settings icon
share icon
คำถาม

อะไรคือความหมายและความสำคัญของการจำแลงพระกาย?

คำตอบ


ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากพระเยซูได้ตรัสบอกเหล่าสาวกว่าพระองค์จะทนทุกข์ทรมาน จะถูกประหาร และจะทรงฟื้นคืนพระชนม์

ลูกา 9:22 “และตรัสว่า ‘บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่ พวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ ในที่สุดพระองค์จะต้องถึงถูกประ หารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่’ พระองค์ทรงนำ เปโตร ยากอบ และยอห์นขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน” ขณะที่ทรงกำลังอธิษฐาน พระพักตร์ของพระองค์แปรเปลี่ยนเป็นทอแสงจ้า และฉลองพระองค์ก็เป็นสีขาวเปล่งประกายแวววับ โมเสสและเอลียาห์ปรากฏตัวขึ้น และได้สนทนากับพระเยซูเกี่ยวกับความตายของพระองค์ว่าไม่นานจะเกิดขึ้น โดยที่ไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัสและกำลังตกใจกลัวมาก เปโตรทูลเสนอจะสร้างเพิงพักพิงสามหลังสำหรับพวกเขา นี่เป็นการอ้างถึงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ถึงเพิงที่พัก ที่ถูกนำมาใช้เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลอยู่เพิงเมื่ออิสราเอลอาศัยอยู่ในเพิงที่พักเป็นเวลา 7 วัน

เลวีนิติ 23:34–42 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ในวันที่สิบห้าเดือนที่เจ็ดนี้ เป็นวันเทศกาลอยู่เพิงถวายแด่พระเจ้าสิ้นเจ็ดวัน จะมีการประชุมบริสุทธิ์ในวันแรก เจ้าอย่าทำงานหนัก จงนำเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้าทั้งเจ็ดวัน ในวันที่แปดเจ้าจงมีการประชุมบริสุทธิ์ และนำเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า เป็นการประชุมตามพิธี เจ้าทั้งหลายอย่าทำงานหนัก ‘ทั้งนี้เป็นเทศกาลเลี้ยงตามกำหนดแด่พระเจ้า ซึ่งเจ้าต้องประกาศเป็นเวลาประชุมบริสุทธิ์ เพื่อให้นำถวายแด่พระเจ้า ซึ่งเครื่องบูชาด้วยไฟ เครื่องเผาบูชาและธัญบูชา ทั้งเครื่องสัตวบูชาและเครื่องดื่มบูชา ต่างก็ให้ถูกต้องตามวันกำหนดนั้นๆ นอกเหนือวันสะบาโตแห่งพระเจ้าและนอกเหนือของถวายของเจ้า และนอกเหนือเครื่องบูชาแก้บนของเจ้า และนอกเหนือเครื่องบูชาด้วยใจสมัครของเจ้าซึ่งเจ้านำมาถวายแด่พระเจ้า ‘ในวันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ด เมื่อเจ้าได้เก็บพืชผลที่ได้จากแผ่นดินนั้นเข้ามาแล้ว เจ้าจงมีเทศกาลเลี้ยงแห่งพระเจ้าเจ็ดวัน ในวันแรกให้หยุดพักสงบ และในวันที่แปดก็ให้หยุดพักสงบ ในวันแรกเจ้าจงนำมาซึ่งผลจากต้นมะงั่ว ใบอินทผลัม กิ่งไม้ที่มีใบมาก กิ่งต้นไค้ และเจ้าจงปีติยินดีอยู่เจ็ดวันต่อพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า เจ้าจงถือเป็นพิธีเทศกาลเลี้ยงปีละเจ็ดวันถวายแด่พระเจ้า ทั้งนี้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เจ้าจงถือพิธีนี้ในเดือนที่เจ็ด เจ้าจงอยู่ในเพิงเจ็ดวัน ทุกคนที่เป็นชาวพื้นเมืองอิสราเอลให้เข้าอยู่ในเพิง”

เปโตรกำลังแสดงความปรารถนาที่จะอยู่ในเพิงที่พักนั้น เมื่อเมฆปกคลุมพวกเขาไว้ มีพระสุรเสียงตรัสว่า “ นี่เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก จงเชื่อฟังท่านเถิด” เมฆลอยขึ้นไปแล้ว โมเสสและเอลียาห์ได้หายไปแล้ว และพระเยซูทรงประทับอยู่ลำพังพร้อมกับเหล่าสาวกที่ยังตกใจกลัวมาก พระเยซูทรงเตือนพวกเขาว่าอย่าเพิ่งบอกใครสิ่งที่พวกเขาได้เห็น จนกระทั่งหลังจากที่ทรงฟื้นคืนพระชนม์ เรื่องราวเหตุการณ์ทั้งสามเรื่องนี้พบได้ใน:

มัทธิว 17:1-8 “ครั้นล่วงไปได้หกวันแล้ว พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องของยากอบขึ้นภูเขาสูงแต่ลำพัง แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์ของพระองค์ก็ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่าง โมเสสและเอลียาห์ก็มาปรากฏแก่พวกสาวกเหล่านั้น กำลังเฝ้าสนทนากับพระองค์ ฝ่ายเปโตรทูลพระเยซูว่า ‘พระองค์เจ้าข้า ซึ่งเราอยู่ที่นี่ก็ดี ถ้าพระองค์ต้องพระประสงค์ ข้าพระองค์จะทำเพิงสามหลังที่นี่ สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง’ เปโตรทูลยังไม่ทันขาดคำ ก็บังเกิดมีเมฆสุกใสมาปกคลุมเขาไว้ แล้วมีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจ ท่านผู้นี้มาก จงเชื่อฟังท่านเถิด’ ฝ่ายพวกสาวกเมื่อได้ยินก็ซบหน้ากราบลงกลัวยิ่งนัก พระเยซูจึงเสด็จมาถูกต้องเขา แล้วตรัสว่า “จงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลย’ เมื่อเขาเงยหน้าดูก็ไม่เห็นผู้ใด เห็นแต่พระเยซูองค์เดียว”

มาระโก 9:2-8 “ครั้นล่วงไปได้หกวันแล้ว พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นขึ้นภูเขาสูงแต่ลำพัง แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา และฉลองพระองค์ก็ขาวเป็นมันระยับ จะหาช่างฟอกผ้าทั่วแผ่นดินโลกฟอกให้ขาวอย่างนั้นก็ไม่ได้ แล้วเอลียาห์กับโมเสสก็ปรากฏแก่พวกสาวกเหล่านั้น และเฝ้าสนทนากับพระเยซู ฝ่ายเปโตรทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ซึ่งเราอยู่ที่นี่ก็ดี ให้พวกข้าพระองค์ทำเพิงสามหลัง สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่งที่เปโตรพูดอย่างนั้นก็เพราะไม่รู้จะว่าอย่างไร ด้วยเขาทั้งหลายกำลังกลัวนัก แล้วมีเมฆมาปกคลุมเขาไว้และมีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา จงเชื่อฟังท่านเถิด’ ทันใดนั้น เมื่อสาวกแลดูรอบก็ไม่เห็นผู้ใด เห็นแต่พระเยซูทรงอยู่กับเขา”

ลูกา 9:28-36 “ภายหลังพระองค์ได้ตรัสคำเหล่านั้นประมาณแปดวัน พระองค์จึงทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน เมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ วรรณพระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์ก็ขาวเป็นมันระยับ ดูเถิด มีสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์ คือโมเสสและเอลียาห์ ผู้มาปรากฏด้วยศักดิ์ศรี และกล่าวถึงการจากไปของพระองค์ ซึ่งจะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม ฝ่ายเปโตรกับคนที่อยู่ด้วยนั้นก็ง่วงเหงาหาวนอน แต่เมื่อเขาตาสว่างขึ้นแล้ว เขาก็ได้เห็นพระสิริของพระองค์ และเห็นสองคนนั้นที่ยืนอยู่กับพระองค์ เมื่อสองคนนั้นกำลังลาไปจากพระองค์ เปโตรจึงทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ซึ่งเราอยู่ที่นี่ก็ดี ให้พวกข้าพระองค์ทำเพิงสามหลังสำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” เปโตรไม่รู้สึกตัวว่าได้พูดอะไร เมื่อเขากำลังพูดคำเหล่านี้ มีเมฆมาคลุมเขาไว้ และเมื่อเขาอยู่ในเมฆนั้นเขาก็กลัว มีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า ‘ผู้นี้เป็นบุตรของเรา เป็นผู้ถูกเลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังท่านเถิด’ เมื่อพระสุรเสียงนั้นสงบแล้ว พระเยซูทรงสถิตอยู่องค์เดียว เขาทั้งสามก็นิ่งอยู่ และในกาลครั้งนั้นเขามิได้บอกเหตุการณ์ซึ่งเขาได้เห็นแก่ผู้ใด”

อย่างไม่มีข้อสงสัย การที่พระคริสต์ทรงจำแลงพระกายคือพระประสงค์ อย่างน้อยเป็นส่วนที่สำแดงพระสิริในสวรรค์ของพระองค์ เพื่อว่าเหล่าสาวก “วงใน”จะเข้าใจมากขึ้นว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ใด พระคริสต์ทรงทำการจำแลงพระกายอย่างอัศจรรย์ เพื่อเหล่าสาวกจะเห็นพระองค์บริบูรณ์ด้วยพระสิริ เหล่าสาวก ผู้ที่ได้รู้จักพระองค์ในสภาพกายมนุษย์เท่านั้น ตอนนี้ได้ประจักษ์แก่ตามากขึ้นในสภาพพระเจ้าของพระคริสต์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเข้าใจมันครบถ้วนนัก นั่นทำให้พวกเขามั่นใจในสิ่งที่พวกเขาต้องการ หลังจากที่ได้ยินข่าวที่น่าตกใจของความตายที่กำลังจะมาถึง

ในเชิงสัญลักษณ์ การปรากฏกายของโมเสสและเอลียาห์แทนพระบัญญัติและผู้พยากรณ์ แต่เสียงของพระเจ้าจากสวรรค์ “จงฟังท่านเถิด” แสดงให้เห็นชัดเจน บทบัญญัติและผู้พยากรณ์ต้องเปิดทางให้พระเยซู พระองค์ผู้หนึ่งที่เป็นทางใหม่และทางแห่งชีวิตกำลังมาแทนที่เก่า; พระองค์ทรงทำให้บทบัญญัติและคำทำนายมากมายในพันธสัญญาเดิมสำเร็จครบบริบูรณ์ นอกจากนี้ ในสภาพที่ทรงบริบูรณ์ด้วยพระสิริ พวกเขาได้เห็นตัวอย่างการสำแดงพระสิริของพระองค์ และการเป็นจอมกษัตริย์แห่งกษัตริย์และจอมเจ้านายเหนือเจ้านายทั้ง

หลายก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เหล่าสาวกไม่เคยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นบนภูเขาและไม่มีข้อสงสัยสิ่งที่ทรงประสงค์นี้

ยอห์น 1:14 “พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง เราทั้งหลายได้เห็นพระสิริของพระองค์ คือพระสิริอันสมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา”

2 เปโตร 1:16-18 “เพราะว่าเมื่อเราได้ประกาศให้ท่านทั้งหลายทราบถึงฤทธิ์เดชของพระเยซูคริสต์ของเรา และการที่พระองค์จะเสด็จมานั้น เราไม่ได้คล้อยตามนิยายที่เขาแต่งขึ้นอย่างชาญฉลาด แต่เราเป็นพยานผู้รู้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์ เพราะว่าคราวเมื่อพระองค์ได้ทรงรับเกียรติและสง่าราศีจากพระบิดา และพระสุรเสียงจากพระสิริอันยิ่งใหญ่ได้มาถึงพระองค์ ตรัสแก่พระองค์ว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านผู้นี้มากเราก็ได้ยินพระสุรเสียงนี้จากสวรรค์ เพราะว่าเราได้อยู่กับพระองค์ที่ภูเขาบริสุทธิ์นั้น”

บรรดาผู้ที่ร่วมเป็นประจักษ์พยานเรื่องการจำแลงพระกาย ได้เป็นพยานแก่สาวกอื่น ๆ และคนเป็นล้านนับไม่ถ้วนตลอดหลายศตวรรษ

English



กลับสู่หน้าภาษาไทย

อะไรคือความหมายและความสำคัญของการจำแลงพระกาย?
แบ่งปันหน้านี้: Facebook icon Twitter icon Pinterest icon Email icon
© Copyright Got Questions Ministries