คำถาม
ฉันจะประสบกับความชื่นชมยินดีในชีวิตคริสเตียนได้อย่างไร?
คำตอบ
ช่วงเวลาของความโศกเศร้าและภาวะซึมเศร้าสามารถเข้ามาในชีวิตของคริสเตียนแม้จะเป็นผู้ที่อุทิศตัวเพื่อศาสนาคริสต์ เเห็นตัวอย่างมากมายของเรื่องนี้ในพระคัมภีร์ โยบไม่ปรารถนาให้ตัวเขาเกิดมาเลย
โยบ 3:11 “ทำไมข้าไม่ตายเสียแต่กำเนิด ทำไมข้าไม่ขาดใจเสีย เมื่อข้าออกมาจากครรภ์แล้วก็สิ้นไป”
ดาวิดทรงอธิษฐานขอให้ได้ไปยังสถานที่ที่พระองค์จะไม่ต้องทรงเกี่ยวข้องกับเรื่องราวความจริง
เพลงสดุดี 55:6-8 “ และข้าพระองค์ว่า 'โอ ข้าอยากมีปีกอย่างนกพิราบ จะได้บินหนีไปและอยู่สงบ เออ ข้าจะได้พเนจรไปไกล ข้าจะได้พักอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ข้าจะได้รีบไปหาที่กำบัง จากลมดุเดือดและพายุ'”
เอลียาห์ หลังจากที่เอาชนะผู้เผยพระวจนะ 450 คนของพระบาอัลด้วยไฟที่เรียกให้ตกลงมาจากสวรรค์ (1 พงศ์กษัตริย์ 18) ได้หนีเข้าไปในทะเลทรายและทูลถามพระเจ้าให้ทรงรับชีวิตของเขาไป
1พงศ์กษัตริย์ 19:3-5 “แล้วท่านก็กลัวและลุกขึ้นหนีไปเอาชีวิตรอด และมาถึงเบเออร์เชบาเขตประเทศยูดาห์ และละคนใช้ของท่านไว้ที่นั่น แต่ตัวท่านเองก็เดินเข้าถิ่นทุรกันดารไปเป็นระยะทางวันหนึ่ง มานั่งอยู่ที่ใต้ต้นซากและท่านทูลขอให้ตัวท่านตายเสียทีว่า …พอแล้วพระองค์เจ้าข้า ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้ขอเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเสีย เพราะข้าพระองค์ก็ไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์' และท่านก็นอนลงหลับอยู่ใต้ต้นซาก ดูเถิด มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาถูกต้องท่าน และพูดกับท่านว่า 'ลุกขึ้นรับประทานซี'”
ดังนั้น จะทำอย่างไรที่เราสามารถเอาชนะช่วงเวลาของความเศร้าโศกนี้ได้ เราจะเห็นว่าคนประเภทเดียวกันนี้เอาชนะภาวะซึมเศร้าของพวกเขา โยบกล่าวว่า ถ้าเราอธิษฐานและจดจำพระพรของเรา พระเจ้าจะทรงฟื้นเราไปสู่ความชื่นชมยินดีและความชอบธรรม
โยบ 33:26 “เขาจึงอธิษฐานต่อพระเจ้า และพระองค์จะทรง พอพระทัยเขา เขาจะเข้ามาเฝ้าต่อพระพักตร์พระองค์ด้วยความชื่นบาน”
ดาวิดได้ทรงเขียนว่าการศึกษาพระวจนะของพระเจ้าสามารถนำเราให้มีความชื่นชมยินดี
เพลงสดุดี 19:8 “ข้อบังคับของพระเจ้านั้นถูกต้อง กระทำให้จิตใจเปรมปรีดิ์ พระบัญญัติของพระเจ้านั้นบริสุทธิ์ กระทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง”
ดาวิดก็ตระหนักว่าเขาจะต้องสรรเสริญพระเจ้าแม้ในท่ามกลางความสิ้นหวัง
เพลงสดุดี 42:5 “จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่ ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายภายในข้าพเจ้า จงหวังใจในพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะถวายสดุดีแด่พระองค์อีก ผู้ทรงเป็นความอุปถัมภ์ และพระเจ้าของข้าพเจ้า”
ในกรณีของเอลียาห์ พระเจ้าทรงให้ท่านพักผ่อนช่วงระยะเวลาหนึ่ง และจากนั้นได้ส่งชายคนหนึ่งชื่อเอลีชามาช่วยท่าน
1พงศ์กษัตริย์19:19-21”ท่านก็ออกไปจากที่นั่นพบเอลีชาบุตรชาฟัท ผู้กำลังไถนาอยู่ด้วยโคสิบสองคู่เดินอยู่ข้างหน้า และท่านอยู่กับโคคู่ที่สิบสอง เอลียาห์ก็ผ่านไปทิ้งเสื้อคลุมลงบนท่าน ท่านก็ละโคเหล่านั้นวิ่งตามเอลียาห์ไปและกล่าวว่า ‘ขอให้ข้าพเจ้าไปจุบลาบิดามารดาของข้าพเจ้าก่อน และข้าพเจ้าจะติดตามท่านไป’ เอลียาห์จึงกล่าวกับเอลีชาว่า ‘ไปเถิดแล้วกลับมาอีก เพราะฉันได้ทำอะไรแก่ท่าน’ และเอลีชาก็กลับจากติดตามเอลียาห์จับโคคู่นั้นฆ่าเสีย เอาเครื่องแอกต้มเนื้อโค และให้แก่ประชาชนและเขาก็รับประทาน แล้วเอลีชาก็ลุกขึ้นตามเอลียาห์ไปและปรนนิบัติท่าน”
นอกจากนี้เรายังต้องการเพื่อนที่เราสามารถแบ่งปันความปวดร้าวและความเจ็บปวดของเราด้วย
ปัญญาจารย์ 4:9-12 “สองคนดีกว่าคนเดียว เพราะว่าเขาทั้งสองได้รับผลของงานดี ด้วยว่าถ้าคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งจะได้พยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น แต่วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้มลง และไม่มีผู้อื่นพยุงยกเขาให้ลุกขึ้น อนึ่ง ถ้าสองคนนอนอยู่ด้วยกัน เขาก็อบอุ่น แต่ถ้านอนคนเดียวจะอุ่นอย่างไรได้เล่า แม้คนหนึ่งสู้คนเดียวได้ สองคนคงสู้เขาได้แน่ เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้”
มันอาจจะเป็นประโยชน์ที่จะแบ่งปันความรู้สึกของเรากับเพื่อนที่นับถือศาสนาคริสต์ เราอาจจะประหลาดใจที่พบว่าเขาหรือเธอได้ต่อสู้กับบางสิ่งเช่นเดียวกับที่เรากำลังผ่านพ้นไป
ที่สำคัญที่สุด แน่นอนทีเดียวที่การพึ่งพาอาศัยตัวเอง ปัญหาของเราเอง ความเจ็บปวดของเราเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอดีตของเราจะก่อให้เกิดความชื่นชมยินดีในจิตใจที่แท้จริง ความชื่นชมยินดีจะไม่พบในคนที่ใฝ่ทางวัตถุนิยม ก็จะไม่พบในการบำบัดทางจิต และมันแน่นอนที่สุดจะไม่พบในความคิดครอบงำตัวเอง พบได้ในพระคริสต์เท่านั้น เราเป็นของพระเจ้า "และอวดพระเยซูคริสต์และไม่ได้ไว้ใจในเนื้อหนัง" (ฟิลิปปี 3:3) รู้ว่าพระคริสต์จะมาและทรงสัมผัสความรู้สึกที่แท้จริงของเราเอง และเข้าใจฝ่ายจิตวิญญาณที่แท้จริง ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความชื่นชมยินดีในตัวเราเอง ในภูมิปัญญาของเรา ความแข็งแรงความร่ำรวยหรือความดี แต่ในพระคริสต์—ในภูมิปัญญาและความแข็งแรงของพระองค์ ในความมั่งคั่งและความดีและในพระองค์เท่านั้น ถ้าเราอยู่ในพระองค์ ฝักใฝ่ในพระวจนะของพระองค์ และพยายามแสวงหาที่จะรู้จักพระองค์มากขึ้นอย่างใกล้ชิด "ความชื่นชมยินดีของเราจะเต็มบริบูรณ์"
ยอห์น15:1-11“เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา แขนงทุกแขนงในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนงทุกแขนงที่ออกผล พระองค์ก็ทรงลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายได้รับการชำระให้สะอาดแล้วด้วยถ้อยคำที่เราได้กล่าวแก่ท่าน จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา พระบิดาทรงรักเราฉันใด เราก็รักท่านทั้งหลายฉันนั้น จงยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา เหมือนดังที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระบิดา และยึดมั่นอยู่ในความรักของพระองค์ นี่คือสิ่งที่เราได้บอกแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม”
สุดท้าย จงจำไว้ว่ามันเป็นโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่เราจะได้พบความชื่นชมยินดีที่แท้จริง
เพลงสดุดี 51:11-12 “ขออย่าทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ไปเสียจากเบื้อง พระพักตร์พระองค์ และขออย่าทรงนำวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ไปจากข้าพระองค์ ขอทรงคืนความชื่นบานในความรอดแก่ข้าพระองค์ และชูข้าพระองค์ไว้ด้วยเต็มพระทัย
กาลาเทีย 5:22 “ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ”
1เธสะโลนิกา 1:6 “และท่านก็ทำตามอย่างของเรา และขององค์พระผู้เป็นเจ้า โดยที่ท่านได้รับถ้อยคำนั้นด้วยความยากลำบากเป็นอันมาก แต่ท่านยังเปรมปรีดิ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
เราไม่สามารถทำอะไรได้นอกเหนืออำนาจของพระเจ้า
2โครินธ์ 12:10 “ เหตุฉะนั้นเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ข้าพเจ้าจึงชื่นใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า ในการประทุษร้ายต่างๆในความยากลำบาก ในการถูกข่มเหง ในความอับจน เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็จะแข็งแรงมากเมื่อนั้น”
2โครินธ์ 13:4 “เพราะถึงแม้ว่าพระองค์ทรงถูกตรึงเพราะทรงอ่อน พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่เพราะฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพราะว่าเราก็อ่อนด้วยกันกับพระองค์ แต่เรามีชีวิตเป็นอยู่กับพระองค์เพราะฤทธิ์เดชของพระเจ้า”
ที่จริง ยิ่งเราพยายามที่จะมีความชื่นชมยินดีโดยผ่านความพยายามของเราเอง เราจะยิ่งกลายเป็นมีความทุกข์มากขึ้น จงพักสงบในอ้อมแขนของพระเจ้าและแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์ผ่านการอธิษฐานและพระคัมภีร์
มัทธิว 11:28-30 “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
โรม 15:13 “ขอพระเจ้าแห่งความหวังทรงโปรดให้ท่านบริบูรณ์ด้วยความชื่นชมยินดี และสันติสุขในความเชื่อ เพื่อท่านจะได้เปี่ยมด้วยความหวังโดยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์”
English
ฉันจะประสบกับความชื่นชมยินดีในชีวิตคริสเตียนได้อย่างไร?