คำถาม
พระเยซูทรงเป็นชาวยิวหรือ?
คำตอบ
ทุกวันนี้เพียงแต่คนเราจำเป็นต้องค้นหาทางอินเทอร์เน็ต เพื่อตรวจสอบว่ามีความขัดแย้งและการถกเถียงกันที่สำคัญ ต่อคำถามที่ว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธทรงเป็นชาวยิวจริงไหม ก่อนที่เราจะสามารถตอบคำถามนี้อย่างจุใจ ก่อนอื่นเราต้องตั้งคำถามอื่น: ใคร (หรืออะไร) เป็นยิว แม้คำถามนี้มีองค์ประกอบความขัดแย้งกัน และคำตอบขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นคนตอบ แต่ความหมายหนึ่งที่แต่ละนิกายหลักของศาสนายูดาย - ออร์โธดอกซ์ อนุรักษ์นิยมและการปฏิรูป - อาจจะเห็นด้วยกับข้อนี้ "ชาวยิวคือคนที่มีแม่เป็นชาวยิวหรือคนใดที่ได้ผ่านพิธีการของการกลับใจมานับถือศาสนายูดาย "
แม้ว่าพระคัมภีร์ภาษาฮีบรูไม่ได้เน้นเฉพาะเจาะจงว่า ควรจะใช้การสืบสายบรรพบุรุษใดจากการแต่งงาน ศาสนายูดายเกี่ยวกับบัญญัติยิวปัจจุบันเชื่อว่า มีพระธรรมมากมายหลายตอนในพระธรรมบัญญัติ ที่เรื่องนี้เป็นที่เข้าใจหรือที่ได้บอกเป็นนัย
เฉลยธรรมบัญญัติ 7:1-5 1“เมื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ทั้งหลายจะทรงพาท่านเข้าในแผ่นดิน ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังจะเข้ายึดครอง และกวาดไล่ประชาชาติหลายชาติให้ออกไปพ้นท่าน คือคนฮิตไทต์ คนเกอร์กาชี คนอาโมไรต์ คนคานาอัน คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุสเป็นเจ็ดประชาชาติ ซึ่งใหญ่โตกว่าและมีกำลังมากกว่าท่าน และเมื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของ ท่านจะทรงมอบเขาทั้งหลายไว้ในมือ ของท่านและท่านจะตีเขาให้พ่ายแพ้ไปนั้น พวกท่านต้องทำลายเขาให้สิ้นทีเดียว อย่าได้กระทำพันธสัญญาใดๆกับเขาเลย และอย่ามีความเมตตาต่อเขาด้วย พวกท่านอย่าสัมพันธ์กับเขาโดยการแต่งงาน อย่ายกบุตรีของท่านให้แก่บุตรชายของเขา หรือรับบุตรหญิงของเขามาให้แก่บุตรชายของท่าน เพราะว่าจะทำให้บุตรชายของพวกเจ้าหันเห ไปจากเราไปปฏิบัติพระอื่นๆ พระเจ้าจะทรงพระพิโรธต่อท่านทั้งหลาย และจะทรงทำลายท่านเสียโดยเร็ว แต่จงกระทำแก่เขาทั้งหลายอย่างนี้ ท่านทั้งหลายจงทำลายแท่นบูชาของเขาเสีย และหักทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสีย จงโค่นอาเชริมของเขาลงเสียและเผา รูปเคารพแกะสลักของเขาเสียด้วยไฟ
เลวีนิติ 24:10 “ครั้งนั้นมีชายคนหนึ่งเป็นบุตรของหญิงคนอิสราเอล ซึ่งบิดาเป็นชาวอียิปต์ ออกไปท่ามกลางคนอิสราเอล และบุตรชายของหญิงอิสราเอลทะเลาะกับชาย อิสราเอลคนหนึ่งในค่าย”
เอสรา 10:2-3 “และเชคานิยาห์บุตรเยฮีเอล พงศ์พันธุ์เอลามกล่าวแก่เอสราว่า ‘พวกเราทั้งหลายได้ทรยศต่อพระเจ้าของเราเสียแล้ว และได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติจากชนชาติทั้งหลายของ แผ่นดินนี้ แต่ถึงจะมีเรื่องอย่างนี้ ก็ยังมีความหวังในอิสราเอลอยู่ เพราะฉะนั้น ให้เรากระทำพันธสัญญากับพระเจ้าของเรา ที่จะทิ้งภรรยาและลูกเหล่านี้ซึ่ง เกิดมาจากเขาทั้งหลายเสียทั้งสิ้น ตามคำปรึกษาของเจ้านายของข้าพเจ้า และของบรรดา ผู้ที่สั่นสะท้านด้วยพระบัญญัติของพระเจ้าของเราทั้งหลาย และขอให้กระทำตามกฎหมายเถิด จากนั้นก็มีหลายตัวอย่างในพระคัมภีร์ เรื่องคนต่างชาติที่กลับใจมานับถือศาสนายูดาย (เช่นนางรูธ ชาวโมอับ)”
นางรูธ 1:16 “แต่รูธตอบว่า “ขอแม่อย่าวิงวอนให้ฉันจากแม่หรือเลิกติดตามแม่ไปเลย เพราะแม่จะไปไหนฉันจะไปด้วย และแม่จะอาศัยอยู่ที่ไหนฉันก็จะอยู่ที่นั่นด้วย ญาติของแม่จะเป็นญาติของฉัน และพระเจ้าของแม่ก็จะเป็นพระเจ้าของฉัน”
ที่นี่นางรูธบอกให้ทราบความปรารถนาของเธอที่อยากเปลี่ยนศาสนา) และได้รับการพิจารณาว่าเป็นยิวตามเชื้อชาติ
ดังนั้น ขอพิจารณาคำถามทั้งสามข้อนี้: พระเยซูทรงเป็นชาวยิวโดยเชื้อชาติหรือ พระเยซูทรงเป็นชาวยิวตามศาสนาหรือ
และแล้วในที่สุด ถ้าพระเยซูทรงเป็นชาวยิว ทำไมคริสเตียนไม่ปฏิบัติตามศาสนายูดาย พระเยซูทรงเป็นชาวยิวโดยเชื้อชาติ หรือว่ามารดาของพระองค์เป็นชาวยิว. พระเยซูทรงถูกระบุว่าเป็นยิวอย่างชัดเจน พร้อมกับชาวยิวในสมัยนั้น สภานภาพทางกาย ชาติตระกูลและศาสนาของพวกเขา (ถึงแม้กำลังแก้ไขข้อผิดพลาดของมัน) พระเจ้าทรงประสงค์ที่ได้ส่งพระองค์ไปยังแผ่นดินยูดาห์: " พระองค์ได้เสด็จมายังบ้านเมืองของพระองค์ [ยูดาห์] และชาวบ้านชาวเมืองของพระองค์ [ยูดาห์] ไม่ได้ต้อนรับพระองค์ แต่ส่วนบรรดา [ชาวยิว] ผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า ... (ยอห์น 1: 11-12) และพระองค์ทรงตรัสย่างชัดเจนว่า "ซึ่งเจ้า [คนต่างชาติ ] นมัสการนั้นเจ้าไม่รู้จัก ซึ่งพวกเรา [ชาวยิว] นมัสการเรารู้จัก [ชาวยิว] เพราะความรอดนั้นมาจากพวกยิว "(ยอห์น 4:22) ข้อแรกที่สำคัญที่สุดในพันธสัญญาใหม่ประกาศอย่างชัดเจนว่าพระเยซูทรงมีเชื้อชาติยิว
มัทธิว 1:1 “หนังสือลำดับพงศ์ของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด ผู้สืบตระกูลเนื่องมาจากอับราฮัม”
มีหลักฐานชัดเจนเช่นข้อพระธรรมในฮีบรู 7:14 "มันเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้น ได้ทรงสืบเชื้อสายมาจากเผ่ายูดาห์" ว่าพระเยซูทรงสืบเชื้อสายมาจากตระกูลยูดาห์ เรารู้จากตรงนั้นเป็นชื่อว่า "ยิว" และเรื่องเกี่ยวกับนางมารีย์ มารดาของพระเยซูเป็นไงบ้าง ลำดับวงศ์ตระกูลในพระธรรมลูกาบทที่ 3 เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่านางมารีย์เป็นทายาทสายตรงของกษัตริย์ดาวิด ซึ่งทำให้พระเยซูทรงมีสิทธิตามกฎหมายที่จะขึ้นครองบัลลังก์ของยิว เช่นเดียวกับการยอมรับว่าพระเยซูทรงเป็นชาวยิวโดยเชื้อชาติ
พระเยซูทรงเป็นชาวยิวตามศาสนาหรือ ทั้งบิดามารดาของพระเยซูได้ "ทำทุกอย่างตามที่บทบัญญัติของพระเจ้าได้กำหนด"
ลูกา 2:39 “ครั้นโยเซฟกับนางมารีย์ได้กระทำการทั้งปวง ตามธรรมบัญญัติของพระเป็นเจ้าเสร็จแล้ว จึงกลับไปถึงนาซาเร็ธเมืองของตนในแคว้นกาลิลี”
ป้าและลุงของพระองค์ เศคาริยาห์และเอลิซาเบธ เป็นชาวยิว เป็นยิวที่ปฏิบัติตามคัมภีร์พระธรรมบัญญัติ ดังนั้นเราจะเห็นว่า น่าจะเป็นทั้งครอบครัวที่ยึดหลักความเชื่อของชาวยิวอย่างเคร่งครัด
ลูกา 1:6 “เขาทั้งสองเป็นคนชอบธรรมจำเพาะพระเจ้า และดำเนินตามบัญญัติและกฎหมายทั้งปวงของพระเป็นเจ้าไม่มีที่ติเลย”
ในคำเทศนาบนภูเขา (มัทธิว 5-7) พระเยซูยังคงยืนยันสิทธิอำนาจของพระธรรมบัญญัติและผู้พยากรณ์ แม้ในอาณาจักรแห่งสวรรค์
มัทธิว 5:17-20 “อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ เรามิได้มาเลิกล้าง แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินดำรงอยู่ แม้อักษรหนึ่งหรือขีดๆหนึ่งก็จะไม่สูญไปจากธรรมบัญญัติ จนกว่าสิ่งที่จะต้องเกิดได้เกิดขึ้นแล้ว เหตุฉะนั้น ผู้ใดได้ทำให้ข้อเล็กน้อยสักข้อหนึ่งในธรรมบัญญัตินี้เบาขึ้น ทั้งสอนคนอื่นให้ทำอย่างนั้นด้วย ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้น้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ใดที่ประพฤติและสอนตามธรรมบัญญัติ ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นใหญ่ในแผ่นดินสวรรค์ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่าน ไม่ยิ่งกว่าความชอบธรรมของพวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี ท่านจะไม่มีวันได้เข้าสู่แผ่นดินสวรรค์”
พระองค์ทรงเข้าร่วมนมัสการที่ธรรมศาลาเป็นประจำ และคำสอนของพระองค์เป็นที่เคารพนับถือจากชาวยิวอื่น ๆ ในสมัยของพระองค์
ลูกา 4:15-16 “พระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา และได้รับความสรรเสริญจากคนทั้งปวง แล้วพระองค์เสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ เป็นที่ซึ่งพระองค์ทรงเจริญวัยขึ้น พระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโตตามเคย และทรงยืนขึ้นเพื่อจะอ่านพระธรรม”
พระองค์ได้ทรงสั่งสอนในวิหารของชาวยิวในกรุงเยรูซาเล็ม และถ้าพระองค์ไม่ได้ทรงเป็นชาวยิว การที่ทรงเข้าไปร่วมในพระวิหารก็จะไม่ได้รับอนุญาต
ลูกา 21:37 “กลางวันพระองค์ทรงสั่งสอนในบริเวณพระวิหารทุกวัน และกลางคืนก็เสด็จออกไปประทับที่ภูเขาชื่อมะกอกเทศ”
กิจการ 21:28-30 “ร้องว่า “ชนชาติอิสราเอลเอ๋ย จงช่วยกันเถิด คนนี้เป็นผู้ที่ได้เสี้ยมสอนคนทั้งปวงทุกตำบลให้เป็นศัตรูต่อชนชาติของเรา ต่อธรรมบัญญัติ และต่อสถานที่นี้ และยิ่งกว่านั้นอีก เขาได้พาคนชาวกรีกเข้ามาในพระวิหารด้วย จึงทำให้ที่บริสุทธิ์นี้เป็นมลทิน เพราะแต่ก่อนคนเหล่านั้นเห็นโตรฟีมัส ชาวเมืองเอเฟซัสอยู่กับเปาโลในเมือง เขาจึงคาดว่าเปาโลได้พาคนนั้นเข้าไปในพระวิหาร แล้วคนทั้งเมืองก็ฮือกันขึ้น คนทั้งหลายก็วิ่งเข้าไปรวมกันและจับเปาโลออก จากพระวิหาร แล้วก็ปิดประตูเสียทันที”
พระเยซูยังทรงสำแดงภายนอกว่าทรงเป็นยิวที่ปฏิบัติศาสนกิจ ทรงสวมฉลองพระองค์มีพู่ห้อยเพื่อรับใช้เป็นผู้ตักเตือนคนให้รักษาธรรมบัญญัติ
ลูกา 8:43-44 “มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นโรคตกโลหิตได้สิบสองปี มาแล้ว ไม่มีผู้ใดรักษาให้หายได้ ผู้หญิงนั้นแอบมาข้างหลัง ถูกต้องชายฉลองพระองค์ และในทันใดนั้นโลหิตที่ตกก็หยุด”
มัทธิว 14:36 “เขาทูลขอพระองค์โปรดให้เขาได้แตะต้องแต่ชายฉลองพระองค์เท่านั้น และผู้ใดได้แตะต้องแล้วก็หายป่วยบริบูรณ์ดีทุกคน”
กันดารวิถี 15:37-39 “พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า จงพูดกับคนอิสราเอลและสั่งเขาให้ทำพู่ที่มุม ชายเสื้อ ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเขา ให้เอาด้ายสีฟ้าติดพู่ที่มุมทุกมุม เพื่อเจ้าจะมองดูพู่นั้น และจดจำพระบัญชาทั้งสิ้นของพระเจ้า และปฏิบัติตาม เพื่อเจ้าจะไม่กระทำอะไรตามความพอใจพอตาของเจ้า ซึ่งเจ้ามักหลงตามนั้น”
พระองค์ทรงเข้าร่วมพิธีปัสกาและเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มในวันเฉลิมฉลองที่สำคัญมากของชาวยิว
ยอห์น 2:13 “เทศกาลปัสกาของพวกยิวใกล้เข้ามาแล้ว พระเยซูเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม”
พระราชบัญญัติ 16:16 “บรรดาผู้ชายทั้งสิ้นจะต้องเข้ามาเฝ้าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านปีละสามครั้ง ณ สถานที่ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้ คือ ณ เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลสัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง อย่าให้เขาไปเฝ้าพระเจ้ามือเปล่าๆ”
ทรงร่วมพิธีสุคคท(หรือเทศกาลอยู่เพิง) และเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มตามที่พระธรรมบัญญัติกำหนด
ยอห์น 7:2, 10, 14 “ขณะนั้นใกล้จะถึงเทศกาลอยู่เพิงของพวกยิวแล้ว แต่เมื่อพวกน้องๆของพระองค์ขึ้นไปในงานเทศกาลนั้นแล้ว พระองค์ก็เสด็จตามขึ้นไปด้วย แต่ไปอย่างเงียบๆไม่เปิดเผย ครั้นถึงวันกลางเทศกาลนั้น พระเยซูได้เสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหารและทรงสั่งสอน”
นอกจากนี้พระองค์ยังร่วมปฎิบัติพิธีฮานุกะ เทศกาลแห่งแสงสว่าง และอาจเทศกาลรอช ฮ้าชชะนาห์ เทศกาลแห่งเสียงแตร ทรงเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มในโอกาสต่างๆเหล่านั้นด้วย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้บัญญัติไว้ในพระธรรมบัญญัติ
ยอห์น 10:22 “ขณะนั้นเป็นเทศกาลฉลองพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม”
ยอห์น 5:1 “หลังจากนั้นก็ถึงเทศกาลของพวกยิว และพระเยซูก็เสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม”
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าพระเยซูทรงพิสูจน์แล้วว่าทรงเป็นชาวยิวและเป็นกษัตริย์ของพวกยิว
ยอห์น 4:22 “ซึ่งเจ้านมัสการนั้นเจ้าไม่รู้จัก ซึ่งพวกเรานมัสการเรารู้จัก เพราะความรอดนั้นมาจากพวกยิว” มาระโก 15:2 “ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ”
พระองค์ตรัสตอบเขาว่า ‘ก็ท่านว่าแล้วนี่” ตั้งแต่ทรงบังเกิดจนถึงเทศกาลปัสกาครั้งสุดท้าย พระเยซูทรงใช้ชีวิตเป็นชาวยิวที่ปฏิบัติพิธีตามแบบยิว
ลูกา 22:14-15 “เมื่อถึงเวลา พระองค์ทรงเอนพระกายเสวยพร้อมกับอัครทูต พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เรามีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะกินปัสกานี้กับพวกท่านก่อนเราจะต้องทนทุกข์ทรมาน”
ดังนั้น ถ้าพระเยซูทรงเป็นชาวยิว ทำไมพวกคริสเตียนไม่ปฏิบัติตามศาสนายูดาย
บทบัญญัติของยูดายที่ได้มอบให้กับโมเสสสำหรับคนอิสราเอลในพันธสัญญาพิเศษที่ศักดิ์สิทธิ์บนภูเขาซีนาย ได้บันทึกไว้ในพระธรรมอพยพ ในพันธสัญญานี้ พระเจ้าได้ทรงจารึกบทบัญญัติของพระองค์บนแผ่นศิลา และชนอิสราเอลได้รับบัญชาให้เชื่อฟังทุกอย่างที่ถูกเปิดเผยแก่พวกเขา แต่พันธสัญญาที่อัศจรรย์นี้เป็นเพียงภาพแห่งพันธสัญญาใหม่และดีกว่า ที่ว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะทรงมอบให้แก่ประชากรของพระองค์ทั้งยิวและคนต่างชาติ
เยเรมีย์ 31:31-34 “พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญา ใหม่กับประชาอิสราเอล และประชายูดาห์ ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้กระทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย เมื่อเราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเขาผิด ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีของเขา พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับ ประชาอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เราจะบรรจุพระธรรมไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขาทั้งหลาย และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านของตน และพี่น้องของตนแต่ละคนอีกว่า 'จงรู้จักพระเจ้า' เพราะเขาทั้งหลายจะรู้จักเราหมดตั้งแต่คน เล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เพราะเราจะให้อภัยบาปชั่วของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาทั้งหลาย อีกต่อไป”
คริสเตียนไม่ปฏิบัติตามศาสนายูดายทุกวันนี้ เพราะพันธสัญญาโมเสสได้กระทำสำเร็จแล้วโดยพระเยซูคริสต์
มัทธิว 5:17 “อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ เรามิได้มาเลิกล้าง แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ”
ฮีบรู 8:13 “เมื่อพระองค์ตรัสถึงพันธสัญญาใหม่ พระองค์ทรงถือว่าพันธสัญญาเดิมนั้นพ้นสมัยไปแล้ว สิ่งที่พ้นสมัยและเก่าไปแล้วนั้นก็จะเสื่อมสูญไป”
ในฐานะคริสเตียน เราไม่จำเป็นที่จะปฏิบัติตามพันธสัญญาเดิมอีกต่อไป เพราะเห็นว่าพันธสัญญาเดิมได้ถูกแทนที่แล้ว ขณะนี้เรามีพันธสัญญาที่ดีกว่า โดยการถวายเครื่องบูชาที่ดีกว่า โดยมหาปุโรหิตใหญ่ได้ทรงกระทำ!
ฮีบรู 10:19-23 “เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรามีใจกล้าที่จะเข้าไปสู่สถานศักดิ์สิทธิ์โดยพระโลหิตของพระเยซู ตามทางใหม่และเป็นทางที่มีชีวิต ซึ่งพระองค์ได้ทรงเปิดออกให้เราผ่านเข้า ไปทางม่านนั้น คือทางพระกายของพระองค์ และเมื่อเรามีปุโรหิตใหญ่เหนือหมู่คนของพระเจ้าแล้ว ก็ให้เราเข้าไปใกล้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยไว้ใจเต็มที่ มีใจที่ได้รับการทรงชำระให้สะอาดแล้ว และมีกายที่ล้างชำระด้วยน้ำบริสุทธิ์ ขอให้เรายึดมั่นในความหวังที่เราทั้งหลายเชื่อและรับไว้นั้น โดยไม่หวั่นไหว เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงสัตย์ซื่อ”
English
พระเยซูทรงเป็นชาวยิวหรือ?