คำถาม
พระเยซูเคยทรงพระพิโรธไหม?
คำตอบ
เมื่อพระเยซูทรงกวาดล้างพระวิหารที่คนรับแลกเงินและพ่อค้าสัตว์กระทำกันพระองค์ทรงมีอารมณ์แรงกล้าและทรงพระพิโรธ
มัทธิว 21:12-13 “ครั้นต้องถูกกวาดไปยังกรุงบาบิโลนแล้ว เยโคนิยาห์ก็มีบุตรชื่อเชอัลทิเอล เชอัลทิเอลมีบุตรชื่อเศรุบบาเบล เศรุบบาเบลมีบุตรชื่ออาบียุด อาบียุดมีบุตรชื่อเอลียาคิม เอลียาคิมมีบุตรชื่ออาซอร์”
มาระโก 11:15-18 “เมื่อมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ก็เสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหาร แล้วลงมือขับไล่บรรดาผู้ซื้อขายในบริเวณพระวิหารนั้น และคว่ำโต๊ะผู้รับแลกเงินกับทั้งคว่ำม้านั่งผู้ขายนกพิราบเสีย และทรงห้ามมิให้ผู้ใดขนสิ่งใดๆเดินลัดบริเวณพระวิหาร พระองค์ตรัสสอนเขาว่า ‘มีพระวจนะเขียนไว้มิใช่หรือว่า นิเวศของเราเขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐานสำหรับประชาชาติทั้งหลาย แต่เจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เป็น ถ้ำของพวกโจร’ เมื่อพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ทราบอย่างนั้น จึงหาช่องที่จะประหารพระองค์เสีย เพราะเขากลัวพระองค์ ด้วยว่าประชาชนประหลาดใจด้วยคำสั่งสอนของพระองค์”
ยอห์น 2:13-22 “เทศกาลปัสกาของพวกยิวใกล้เข้ามาแล้ว พระเยซูเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ในบริเวณพระวิหารพระองค์ทรงเห็นคนขายวัว ขายแกะ ขายนกพิราบ และคนรับแลกเงินที่กำลังแลกเงินอยู่ พระองค์ทรงเอาเชือกทำเป็นแส้ไล่คนเหล่านั้น พร้อมกับแกะและวัวออกไปจากบริเวณพระวิหาร และพระองค์ทรงเทเงินและคว่ำโต๊ะของคนรับแลกเงิน และพระองค์ตรัสแก่บรรดาคนขายนกพิราบว่า ‘จงเอาของเหล่านี้ไปเสีย อย่าทำพระนิเวศของพระบิดาเราให้เป็นแหล่งค้าขาย’ พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกขึ้นได้ถึงคำที่เขียนไว้ว่า ;ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์จะท่วมท้นข้าพระองค์’ พวกยิวจึงทูลพระองค์ว่า ‘ท่านจะแสดงหมายสำคัญอะไรให้เราเห็นว่า ท่านมีอำนาจกระทำการเช่นนี้ได้’ พระเยซูจึงตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า ‘ถ้าทำลายวิหารนี้เสีย เราจะยกขึ้นในสามวัน’ พวกยิวจึงทูลว่า “พระวิหารนี้เขาสร้างถึงสี่สิบหกปีจึงสำเร็จ และท่านจะยกขึ้นใหม่ในสามวันหรือ”
แต่พระวิหารที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือพระกายของพระองค์ เหตุฉะนั้นเมื่อพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาแล้ว พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสดังนี้ และเขาก็เชื่อพระคัมภีร์และพระดำรัสที่พระเยซูได้ตรัสแล้วนั้น” ความรู้สึกแรงกล้าของพระเยซูถูกเรียกว่า "ความกระตือรือร้น" ต่อพระนิเวศของพระเจ้า พระพิโรธของพระองค์นั้นบริสุทธิ์และเป็นธรรมอย่างสมบูรณ์ เพราะรากฐานคือความห่วงใยเรื่องความบริสุทธิ์และการนมัสการพระเจ้า เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นรื่องเสี่ยง พระเยซูทรงดำเนินการอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด พระเยซูทรงสำแดงพระพิโรธอีกครั้งในธรรมศาลาของเมืองคาเปอร์นาอูม เมื่อพวกฟาริสีปฏิเสธที่จะตอบคำถามของพระเยซู
มาระโก 3:5 “พระองค์มีพระทัยเป็นทุกข์ เพราะใจเขาแข็งกระด้างนัก และได้ทอดพระเนตรดูรอบด้วยพระพิโรธ และพระองค์ตรัสแก่คนมือลีบนั้นว่า ‘จงเหยียดมือออกเถิด’ เขาก็เหยียดออก และมือของเขาก็หายเป็นปกติ”
หลายครั้งที่เราคิดว่าความโกรธเป็นความเห็นแก่ตัว ความรู้สึกทำลายที่พวกเราควรจะกำจัดออกจากชีวิตของเรา แต่ความจริงที่ว่าบางครั้งพระเยซูก็ทรงพระพิโรธ บ่งชี้ว่าอารมณ์โกรธนั้นเป็นอารมณ์ความรู้สึก ขาดความรู้สึกผิดชอบชั่วดี มีข้อสนับสนุนในที่ต่างๆ ในพันธสัญญาใหม่ เอเฟซัส 4:26 สอนเราว่า "เวลาคุณโกรธ จงอย่าทำบาป" และอย่าปล่อยให้ดวงอาทิตย์ตกดิน คุณยังคงโกรธอยู่ พระบัญชาที่สั่งว่าอย่า "หลีกหนีความโกรธ" (หรือระงับมันหรือไม่สนใจมัน) แต่จงจัดการกับมันอย่างถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม ข้อเท็จจริงต่อไปเกี่ยวกับการสำแดงพระพิโรธของพระเยซูที่ควรทราบมีดังนี้:
1) พระพิโรธของพระองค์มีแรงจูงใจที่เหมาะสม ในอีกนัยหนึ่ง พระองค์ทรงพระพิโรธด้วยเหตุผลที่สมควร พระพิโรธของพระเยซูไม่ได้เกิดขึ้นจากการขัดแย้งเล็กน้อย หรือการดูหมิ่นต่อพระองค์เป็นส่วนตัว ไม่มีความเห็นแก่ตัวมาเกี่ยวข้อง
2) พระพิโรธของพระองค์มุ่งเน้นอย่างเหมาะสม พระองค์ไม่ได้ทรงพระพิโรธต่อพระเจ้าหรือต่อ "จุดอ่อนแอ" ของคนอื่น ๆ พระพิโรธของพระองค์พุ่งเป้าหมายไปที่พฤติกรรมบาปและความอยุติธรรมที่แท้จริง
3) พระพิโรธของพระองค์มีภาคเสริมที่เหมาะสม มาร์ค 3: 5 กล่าวว่าพระพิโรธของพระองค์ที่ทรงเสียพระทัยที่พวกฟาริสีขาดความเชื่อ พระพิโรธของพระเยซูเกิดจากความรักต่อพวกฟาริสี และความกังวลสภาพจิตวิญญาณของพวกเขา ไม่มีอะไรเกี่ยวกับความเกลียดชังหรือความประสงค์ร้าย
4)พระพิโรธของพระองค์มีการควบคุมที่เหมาะสม พระเยซูทรงไม่เคยขาดการควบคุมแม้เวลาทรงพระพิโรธ ผู้นำพระวิหารไม่ชอบที่พระองค์ทรงชำระพระวิหาร แต่พระองค์ไม่ได้ทรงทำอะไรที่เป็นบาป
ลูกา 19:47 “พระองค์ทรงสั่งสอนในบริเวณพระวิหารทุกวัน แต่พวกมหาปุโรหิตพวกธรรมาจารย์ และคนสำคัญของพลเมือง ได้หาช่องที่จะประหารพระองค์เสีย”
ทรงควบคุมอารมณ์ของพระองค์ได้; อารมณ์ของพระองค์ไม่ได้ควบคุมพระองค์
5) พระพิโรธของพระองค์มีระยะเวลาที่เหมาะสม ทรงไม่ยอมให้พระพิโรธของพระองค์กลายเป็นความขมขื่น; ทรงไม่ได้ถือโทษโกรธแค้น ทรงจัดการกับแต่ละสถานการณ์อย่างเหมาะสม และทรงจัดการพระพิโรธในเวลาที่เหมาะสม
6) พระพิโรธของพระองค์ส่งผลลัพธ์ที่เหมาะสม พระพิโรธของพระเยซูมีผลการกระทำที่ยำเกรงพระเจ้าซึ่งตามหลังมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พระพิโรธของพระเยซูเช่นเดียวกับทุกอารมณ์ของพระองค์ ตรวจสอบได้โดยพระวจนะของพระเจ้า ดังนั้นการกระทำของพระเยซูทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ. เมื่อเราโกรธ บ่อยครั้งที่เราไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม หรือการมุ่งเน้นที่ไม่ เหมาะสม เราพลาดไม่ประเด็นหนึ่งก็อาจมากกว่าประเด็นอื่นข้างต้น นี่คือพระพิโรธของมนุษย์ซึ่งเราทราบจาก:
ยากอบ 1:19-20 “ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ได้กระทำให้เกิดความชอบธรรมแห่งพระเจ้า”
พระเยซูไม่ได้ทรงสำแดงอาการโกรธแบบมนุษย์ แต่เป็นความขุ่นเคืองที่ชอบธรรมและสมบูรณ์ของพระเจ้าแทนที่
English
พระเยซูเคยทรงพระพิโรธไหม?