คำถาม
อะไรคือความหมายและเป้าหมายเรื่องการที่พระเยซูทรงถูกทดลอง?
คำตอบ
หลังจากที่ทรงได้รับบัพติศมา พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำพระเยซูไปที่ทะเลทราย ทรงถูกมารทดลองเป็นเวลาสี่สิบวัน"
ลูกา 4:1-2 “พระเยซูทรงประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้กลับไปจากแม่น้ำจอร์แดน และพระวิญญาณได้ทรงนำพระองค์ไป ถึงสี่สิบวัน ในถิ่นทุรกันดาร ทรงถูกมารทดลอง ในวันเหล่านั้นพระองค์ มิได้เสวยอะไรเลย และเมื่อสิ้นสี่สิบวันแล้ว พระองค์ทรงอยากพระกระยาหาร”
การทดลองสามครั้งในถิ่นทุรกันดารเป็นความพยายามที่จะชักจูงให้พระเยซูหันจากพระเจ้าไปจงรักภักดีต่อซาตาน
มัทธิว 16:21-23 “ตั้งแต่เวลานั้นมา พระเยซูทรงเริ่มเผยแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และจะต้องทนทุกข์ทรมานหลาย ประการจากพวกผู้ใหญ่ และพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ จนต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ ฝ่ายเปโตรเอามือจับพระองค์ทูลท้วงว่า ‘พระองค์เจ้าข้าให้เหตุการณ์นั้นอ ยู่ห่างไกลจากพระองค์เถิด อย่าให้เป็นอย่างนั้นแก่พระองค์เลย” พระองค์จึงหันพระพักตร์ตรัสกับเปโตรว่า ‘อ้ายซาตานจงไปให้พ้น เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเรา เพราะเจ้าคิดอย่างคน มิได้คิดอย่างพระเจ้า’”
เราเห็นการทดลองที่คล้ายกันนี้ ที่มารกระทำผ่านทางเปโตร ทดลองพระเยซูล่วงหน้าก่อนวันที่พระองค์ทรงถูกตรึงที่ไม้กางเขนตามลิขิตจากพระเจ้า
ลูกา 4:13 บอกเราว่าหลังจากที่เย้ายวนในถิ่นทุรกันดารซาตาน "ซ้ายเขาจนเวลาที่เหมาะสม" ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่าพระเยซูถูกล่อลวงต่อไป โดยซาตานแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปจะไม่ถูกบันทึก หลักสำคัญคือว่า ทั้งๆที่มีการล่อลวงต่างๆ พระองค์ก็ไม่ทรงทำบาป พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ในการอนุญาตให้พระเยซูทรงถูกทดลองในถิ่นทุรกันดาร ปรากฎชัดเจนจากประโยคที่ว่า "นำโดยพระวิญญาณไปในทะเลทราย"
วัตถุประสงค์หนึ่งคือเพื่อให้มั่นใจว่า เรามีมหาปุโรหิตผู้ที่สามารถเห็นอกเห็นใจเราในความเจ็บป่วยและความอ่อนแอทุกอย่างของเรา เพราะทรงถูกทดลองใจในทุกประเด็นเช่นเดียวกับเราถูกทดลองนั้น
ฮีบรู 4:15 “เพราะว่า เรามิได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของ เรา แต่ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนอย่างเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป”
ธรรมชาติมนุษย์ของพระทำให้พระองค์ทรงเห็นอกเห็นใจความอ่อนแอของเราเอง เพราะพระองค์ทรงถูกชักนำไปสู่ความอ่อนแอด้วย
ฮีบรู 2:18 “เพราะเหตุที่พระองค์ได้ทรงทนทุกข์ทรมานและถูกลองใจ พระองค์จึงทรงสามารถช่วยผู้ที่ถูกลองใจได้” คำภาษากรีกที่แปลว่า "ถูกทดลอง" นี่หมายความว่า "นำไปทดสอบ"
ดังนั้น เมื่อเราถูกนำไปทดสอบและถูกทดลองในสถานการณ์ต่างๆ ของชีวิต เราสามารถมั่นใจได้ว่าพระเยซูทรงเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ เพราะทรงเป็นผู้ที่ได้ผ่านการทดลองแบบเดียวกัน การทดลองใจพระเยซูทำตามแบบสามข้อที่เป็นเรื่องธรรมดาร่แก่เราทุกคน
มัทธิว 4:3-4 “ส่วนผู้ผจญมาหาพระองค์ทูลว่า ‘ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นพระกระยาหาร’ ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า ‘มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า 'มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอา หารสิ่งเดียว หามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า'”
การทดลองเรื่องแรกเกี่ยวกับตัณหาของเนื้อหนัง ซึ่งรวมถึงความต้องการทางฝ่ายกายทุกอย่าง พระเจ้าของเราทรงหิวพระกระยาหาร และมารได้ล่อลวงพระองค์ ขอให้ทรงแปลงก้อนหินให้เป็นขนมปัง แต่ทรงตอบโดยยกคำอ้างพระราชบับัญญัติ 8: 3
พระราชบัญญัติ 8:3 “พระองค์ทรงกระทำให้ท่านถ่อมใจ และปล่อยท่านให้หิวและเลี้ยง ท่านด้วยมานา ซึ่งท่านเองหรือปู่ย่าตายายของ ท่านก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เพื่อพระองค์จะทรงกระทำให้ท่านตระหนักแก่ใจว่า มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วย อาหารสิ่งเดียวก็หามิได้ แต่มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้ ด้วยทุกสิ่งที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า”
มัทธิว 4:5-7 “แล้วมารก็นำพระองค์ไปยังนครบริสุทธิ์ และให้พระองค์ประทับที่ยอดหลังคาพระวิหารแล้วทูลพระองค์ว่า ‘ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงโจนลงไปเถิด เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า พระเจ้าจะรับสั่งให้เหล่าทูตสวรรค์ ของพระองค์รักษาท่าน และเหล่าทูตสวรรค์จะเอามือประคองชูท่านไว้ มิให้เท้าของท่านกระทบหิน’ พระเยซูจึงตรัสตอบว่า ‘พระคัมภีร์มีเขียนไว้อีกว่า อย่าทดลองพระองค์ผู้เป็น พระเจ้าของท่าน’ อีกครั้งหนึ่งมารได้นำพระองค์ขึ้นไปบนภูเขาอันสูงยิ่งนัก และได้แสดงบรรดารา ชอาณาจักรในโลก ทั้งความรุ่งเรืองของราชอาณาจักรเหล่านั้นให้พระองค์ทอดพระเนตร”
การทดลองแบบที่สองเกี่ยวกับความหยิ่งยโสในชีวิต และที่นี่มารพยายามที่จะใช้พระธรรมในพระคัมภีร์กับพระองค์ แต่พระเจ้าทรงตอบอีกครั้งโดยใช้ข้อพระคัมภีร์โต้แย้งไป ทรงตอบว่ามันจะผิดสำหรับพระองค์ที่จะทรงบิดเบือนใช้อำนาจของพระองค์ให้เสียไป
เพลงสดุดี 91:11-12 “เพราะพระองค์จะรับสั่งเหล่าทูตสวรรค์ ของพระองค์ในเรื่องท่าน ให้ระแวดระวังท่านในทางทั้งปวงของท่าน เขาทั้งหลายจะเอามือประคองชูท่านไว้ เกรงว่าเท้าของท่านจะกระแทกหิน”
พระราชบัญญัติ 6:16 “'จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของ เจ้า ดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงบัญชาเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนาน และเจ้าจะไปดีมาดีในแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้า ของเจ้าประทานให้แก่เจ้า”
มัทธิว 4:8-10 “อีกครั้งหนึ่งมารได้นำพระองค์ขึ้นไปบนภูเขาอันสูงยิ่งนัก และได้แสดงบรรดาราชอาณา จักรในโลก ทั้งความรุ่งเรืองของราชอาณาจักรเหล่านั้นให้พระองค์ทอดพระเนตร แล้วได้ทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านจะกราบลงนมัสการเรา เราจะให้สิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ ท่าน’ พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “อ้ายซาตาน จงไปเสียให้พ้น เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว”
การทดลองแบบที่สามเกี่ยวกับตัณหาของตา และถ้ามีเส้นทางให้ทรงได้เป็นพระเมสสิยาห์เร็วๆ ผ่านความรักใคร่เห็นอกเห็นใจและการตรึงพระชนม์ที่ทรงเคยเริ่มเป็นครั้งแรก สิ่งนี้จะเป็นหนทาง
เอเฟซัส 2:2 “ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยประพฤติในการบาปนั้นตามวิถีของโลก ตามเจ้าแห่งย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อฟัง”
มารร้ายได้ครอบงำเหนือราชอาณาจักรของโลก แต่มันพร้อมที่จะให้ทุกอย่างแก่พระคริสต์เป็นการตอบแทนหากพระองค์ทรงสวามิภักดิ์มัน เพียงแค่ความคิดก็เกือบจะเป็นสาเหตุทำให้พระลักษณะบริสุทธิ์ของพระเจ้าสั่นคลอน และทรงตอบอย่างแหลมคมกลับไป
พระราชบัญญัติ 6:13 “พวกท่านจงยำเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ท่านจงปรนนิบัติพระองค์และสาบาน โดยออกพระนามของพระองค์”
เราตกอยู่ในการล่อลวงหลายอย่าง เพราะเนื้อหนังของเราอ่อนแอตามธรรมชาติ แต่เรามีพระเจ้าที่จะไม่ทรงปล่อยให้เราถูกล่อลวงเกินกว่าที่เราสามารถจะรับได้; จะทรงประทานหนทางออกให้
1โครินธ์ 10:13 “ไม่มีการทดลองใดๆเกิดขึ้นกับท่าน นอกเหนือจากการทดลองซึ่งเคยเกิดกับ มนุษย์ทั้งหลาย พระเจ้าทรงสัตย์ธรรม พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูก ทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อท่านถูกทดลองนั้น พระองค์จะทรงโปรด ให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วย เพื่อท่านจะมีกำลังทนได้”
ดังนั้นเราจึงสามารถได้รับชัยชนะและขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงช่วยให้หลุดพ้นจากการทดลองใจ ประสบการณ์ของพระเยซูในทะเลทราย ช่วยให้เราเห็นความเย้ายวนธรรมดาเหล่านี้ที่ทรงรักษาให้เรารับใช้พระเจ้าอย่างเกิดผล นอกจากนี้ เราได้เรียนรู้จากการที่พระเยซูทรงตอบเมื่อถูกทดลองว่า จริงๆ แล้วเราจะมีวิธีการตอบสนองอย่างไร คือใช้ข้อพระคัมภีร์ อำนาจชั่วมาถึงเราเป็นการทดลองมากมายมหาศาล แต่ทังหมดมีเหมือนกันสามสิ่งที่เป็นแกนหลักคือ ตัณหาของตา ตัณหาของเนื้อหนัง และความทะนงในชีวิต
1ยอห์น 2:16 “เพราะว่าสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา แต่เกิดมาจากโลก”
เราสามารถรับรู้และต่อสู้กับการทดลองเหล่านี้ โดยให้จิตใจและความคิดของเรามีความจริงสำรองไว้มาก ยุทธภัณฑ์ของทหารคริสเตียนในการต่อสู้ฝ่ายจิตวิญญาณ รวมเอาอาวุธป้องกันอย่างหนึ่ง คือพระแสงของพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า
เอเฟซัส 6:17 “จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า”
การรู้พระคัมภีร์อย่างลึกซึ้งเท่ากับในมือของเราถือดาบอยู่ และสามารถช่วยให้เราชัยชนะเหนือการทดลองต่างๆ
English
อะไรคือความหมายและเป้าหมายเรื่องการที่พระเยซูทรงถูกทดลอง?