คำถาม
คริสเตียนควรยืนหยัดเพื่อความเชื่อในโลกที่ต่อต้านคริสเตียนเช่นนี้อย่างไร?
คำตอบ
ในฐานะคริสเตียน เราสามารถทำได้ทั้งสองอย่างเพื่อที่จะยืนหยัดอยู่ฝ่ายพระคริสต์ คือดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระองค์ และเรียนรู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น พระคริสต์ตรัสว่า "จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง... " (มัทธิว 5:16) ข้อนี้หมายความว่าเราควรมีชีวิตและประพฤติในลักษณะที่ส่งเสริมข่าวประเสริฐ ตัวเราเองควรประกอบด้วยความรู้เป็นอาวุธติดตัว ทั้งข่าวประเสริฐและเรื่องโลกรอบตัวเรา
เอเฟซัส 6:10-17 “สุดท้ายนี้ขอท่านจงมีกำลังขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์ จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้ เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่ว ในสถานฟ้าอากาศ เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้ เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า”
1 เปโตร 3:15 “แต่ในใจของท่าน จงเคารพนับถือ พระคริสต์ว่าเป็น องค์พระผู้เป็นเจ้า จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อท่านจะสามารถตอบทุกคนที่ถามท่านว่า ท่านมีความหวังใจเช่นนี้ด้วยเหตุผลประการใด แต่จงตอบด้วยใจสุภาพและด้วยความนับถือ”
ทั้งหมดที่เราสามารถทำได้ คือมีชีวิตอยู่และสั่งสอนตามที่พระคริสต์ทรงทำและยอมให้พระองค์ทรงดูแลส่วนของพระองค์ที่เหลือ นักวิจารณ์ศาสนาคริสต์ได้เริ่มมีเสียงวิจารณ์มากขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีมากมายหลายคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า หรือไม่เข้าใจความจริงเกี่ยวกับพระองค์เลย แต่ เป็นที่ประจักษ์ว่าการต่อต้านคริสเตียนที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะการการแสดงความรับรู้ด้วย เช่นเดียวกับหลายหัวเรื่องมากมาย
บรรดาคนที่ดูถูกศาสนาคริสต์อย่างแท้จริง คือผู้ไม่เชื่อที่มีเสียงดังมากที่สุด ส่วนใหญ่ของผู้ไม่เชื่อมากมายไม่สนใจพอที่จะยุ่งเกี่ยวกับผู้เชื่อทั้งหลาย ผู้ไม่เชื่อโกรธ มีเสียง และขมขื่น น้อยคน ส่งเสียงดังพอที่จะดูเหมือนมีจำนวนมากกว่าเท่าที่เป็นอยู่
คำดูถูกเชิงสัญลักษณ์จากฝูงชนที่ไม่นับถือศาสนา คือการกล่าวถึงผู้เชื่อว่า " ไม่รู้อะไร" "โง่" "ถูกล้างสมอง" หรือต่อคนอื่นๆ บอกกล่าวว่าบรรดาคนที่เชื่อว่าฉลาดน้อยกว่าคนที่ไม่เชื่อ เมื่อคริสเตียนยืนหยัดโดยมีปัญญาเพื่อความเชื่อของเขา คำเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็น "หัวรั้น" "หัวรุนแรง" หรือ "กระตือรือร้นเกินไป" เมื่อผู้คนที่รู้ว่าผู้เชื่อมีใจกรุณาและรักมาได้ยินแบบนี้ ผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าจะเริ่มเหมือนคนโง่แบบที่เขาหรือเธอเป็น
เพลงสดุดี 53:1 “คนโง่รำพึงอยู่ในใจของตนว่า “ไม่มีพระเจ้า” เขาทั้งหลายก็เสื่อมทรามกระทำ ความบาปผิดที่น่าเกลียดน่าชัง ไม่มีสักคนเดียวที่กระทำดี”
ผู้ไม่เชื่อส่วนใหญ่ไม่มีเหตุผลส่วนตัวที่จะมองคริสเตียนในด้านลบ แต่บางครั้งพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังจากพวกต่อต้านคริสเตียนมากจนพวกเขาสันนิษฐานว่าอาจเป็นเช่นนั้น พวกเขาต้องการตัวอย่างของการมีชีวิตเหมือนพระคริสต์เพื่อจะพบความจริง
แน่นอน เมื่อมีบางคนที่ประกาศตัวเป็นคริสเตียน พูดหรือทำอะไรบาง อย่างที่ไม่ใช่แบบพระคริสต์ กลุ่มคนเสียงดังและโกรธที่นั่นก็ระบุว่าเขาเป็นแบบคนหน้าซื่อใจคดต่อศาสนา นี่คือบางสิ่งที่เราได้รับการเตือนสอนให้คาดหวังว่าอาจเป็นเช่นนั้น
โรม 1:28-30 “และเพราะเขาไม่เห็นสมควรที่จะรู้จักพระเจ้า พระองค์จึงทรงปล่อยให้เขามีใจ ชั่วและประพฤติสิ่งที่ไม่เหมาะสม พวกเขาเต็มไปด้วยสรรพการอธรรม ความชั่วร้าย ความโลภ ความมุ่งร้าย ความอิจฉาริษยา การฆ่าฟัน การวิวาท การล่อลวง การคิดร้าย พูดนินทา ส่อเสียด เกลียดชังพระเจ้า เย่อหยิ่งจองหอง อวดตัว ริทำชั่วแปลกๆ ไม่เชื่อฟังบิดามารดา โง่เขลา กลับสัตย์ ไม่มีความรักกัน ไร้ความปรานี
มัทธิว 5:11 “เมื่อเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข”
ดีที่สุดที่จะทำได้คือ การอ้างอิงเนื้อหาพระธรรมในพระคัมภีร์ที่กล่าวต่อ ต้านถึงสิ่งที่บุคคลนั้นทำ และเตือนใจผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าว่า เพียงเพราะคนหนึ่งพูดว่าเขาเป็น คริสเตียน และถึงแม้เขาคิดว่าเขาเป็นคริสเตียน แต่นั่นก็ไม่ได้หมาย ความว่าเขาเป็นหรอกนะ
มัทธิว 7:16, 20 “ท่านจะรู้จักเขาได้ด้วยผลของเขา ผลองุ่นนั้นเก็บได้จากต้นไม้มีหนามหรือ หรือว่าผลมะเดื่อนั้นเก็บได้จากพืชหนาม เหตุฉะนั้น ท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของเขา”
ข้อนี้บอกเราว่าคริสเตียนที่แท้จริงจะเป็นที่รู้จักได้โดยการประพฤติของพวกเขา ไม่เพียงแต่โดยอาชีพที่พวกเขาทำ และเตือนใจนักวิจารณ์ว่าที่แน่นอนที่สุดคือ ไม่มีใครดำรงชีวิตอยู่โดยปราศจากบาปเลย
โรม 3:23 “เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า”
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องจำไว้ก็คือ ไม่มีใคร ไม่ว่าเขาจะสามารถชักจูงใจคนได้อย่างไร ก็ไม่สามารถบังคับคนให้เชื่อในสิ่งที่เขาไม่ต้องการที่จะเชื่อได้ ไม่ว่าจะมีหลักฐานอะไรก็ตาม ไม่ว่าข้อโต้แย้งจะเป็นอย่างไร ผู้คนจะเชื่อสิ่งที่พวกเขาอยากจะเชื่อ
ลูกา 12:54-56 “พระองค์ตรัสกับประชาชนอีกว่า “เมื่อท่านทั้งหลายเห็นเมฆเกิดขึ้นในทิศตะวันตก ท่านก็กล่าวทันทีว่า 'ฝนจะตก' และก็เป็นอย่างนั้นจริง เมื่อท่านเห็นลมพัดมาแต่ทิศใต้ ท่านก็ว่า 'จะร้อนจัด' และก็เป็นจริง โอ คนหน้าซื่อใจคด เจ้าทั้งหลายรู้จักวิจัยความเป็นไปของแผ่นดินและท้องฟ้า แต่เหตุไฉนพวกเจ้าวิจัยความเป็นไปของยุคนี้ไม่ได้”
ความเชื่อมั่นไม่ใช่งานของคริสเตียน พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงกระทำให้คนเชื่อมั่น และพวกเขาเองเลือกที่จะเชื่อหรือไม่
ยอห์น 14:16-17 “เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน”
สิ่งที่เราสามารถทำได้คือ สำแดงตัวเราเองในแบบที่คล้ายกับพระคริสต์เท่าที่เราทำได้ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่มีผู้ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าอีกหลายคน ผู้ที่อ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มที่กำลังมองหาอาวุธยุทธภัณฑ์ต่อต้านคริสเตียน และมีคริสเตียนมากมายที่แทบจะไม่อ่านพระคัมภีร์เลย
เป็นการยากสำหรับฝูงชนที่โกรธที่จะกล่าวหาว่าคริสเตียนเป็นคนที่น่ารังเกียจ และดื้อรั้นโหดร้าย เมื่อบุคคลนั้นแสดงออกถึงชีวิตที่มีความกรุณา ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความเมตตาสงสาร เมื่อคริสเตียนสามารถถกเถียงหรือโต้คารมหรือหักล้างข้อโต้แย้งทางโลกได้อย่างถูกต้อง ตราเครื่องหมายของ "ไม่รู้เรื่องอะไร" ไม่เหมาะสมกับเขาอีกต่อไป คริสเตียนผู้ที่อ่านข้อโต้แย้งทางฝ่ายโลก และสามารถเปิดเผยข้อบกพร่องของตนอย่างสุภาพเรียบร้อย จะช่วยลดความสับสนที่ก้าวหน้ามากขึ้นในหมู่ผู้เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า ความรู้คืออาวุธ และมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้ เมื่อเรายอมให้พระคริสต์ทรงนำเราว่าจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
English
คริสเตียนควรยืนหยัดเพื่อความเชื่อในโลกที่ต่อต้านคริสเตียนเช่นนี้อย่างไร?