คำถาม
คริสเตียนวันนี้กระทำการขับไล่ผีได้ไหม?
คำตอบ
การขับไล่ผี ( ออกคำสั่งให้ปีศาจหลุดออกไปจากคนอื่น ) ได้กระทำโดยผู้คนนานาประเภทในพระกิตติคุณ และในหนังสือกิจการ--- พวกสาวกเป็นส่วนหนึ่งของคำสอนของพระคริสต์ (มัทธิว 10 ); คนอื่น ๆที่ออกพระนามพระคริสต์ ลูกหลานของพวกฟาริสี; เปาโล ( กิจการ 16) และแน่นอนพวกหมอผี กิจการ 19:11-16 “พระเจ้าได้ทรงกระทำอิทธิฤทธิ์อันพิสดารด้วยมือของเปาโล จนเขานำเอาผ้าเช็ดหน้ากับผ้ากันเปื้อนจากตัวเปาโลไปวางที่ตัวคนป่วยไข้ โรคนั้นก็หายและผีร้ายก็ออกจากคน แต่พวกยิวบางคน ที่เที่ยวไปเป็นหมอผีพยายามใช้พระนามของพระเยซูเจ้า ขับผีร้ายว่า ‘เราสั่งเจ้าโดยพระเยซูซึ่งเปาโลได้ประกาศนั้น’ พวกยิวคนหนึ่งชื่อเสวาเป็นปุโรหิตใหญ่ มีบุตรชายเจ็ดคนซึ่งทำอย่างนั้น ฝ่ายผีร้ายจึงพูดกับเขาว่า ‘พระเยซู ข้าก็คุ้นเคย และเปาโล ข้าก็รู้จัก แต่พวกเจ้าเป็นผู้ใดเล่า’ คนที่มีผีสิงนั้น จึงกระโดดใส่คนเหล่านั้นและต่อสู้จนชนะเขาได้ เขาต้องหนีออกไปจากเรือนตัวเปล่าและมีบาดเจ็บ” มาระโก 9:38 “ยอห์นจึงทูลพระองค์ว่า
‘พระอาจารย์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์ได้เห็นคนหนึ่งขับผีออกโดยพระนามของพระองค์ และพวกข้าพระองค์ได้ห้ามเขา เพราะเขามิได้ตามเรามา’” ลูกา 11:18-19 “และถ้าซาตานแก่งแย่งกันระหว่างมันเอง อาณาจักรของมันจะตั้งอยู่อย่างไรได้ เพราะท่านทั้งหลายว่าเราขับผีออกโดยเบเอลเซบูล ถ้าเราขับผีออกโดยเบเอลเซบูลนั้น พวกพ้องของท่านทั้งหลายขับมันออกโดยอำนาจของใครเล่า เหตุฉะนั้น พวกพ้องของท่านเองจะเป็นผู้ตัดสินกล่าวโทษพวกท่าน”
ปรากฏว่า จุดประสงค์ที่ สาวก ของพระเยซูแสดงการขับไล่ผี คือเพื่อแสดงให้เห็นอำนาจการครอบครองของพระคริสต์ที่เหนือผีมารร้าย นอกจากนี้ยังพิสูจน์ความจริงได้ว่า พวกสาวกได้กระทำในพระนามของพระองค์ และอำนาจของพระองค์ นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นว่าพวกเขามีความเชื่อหรือขาดความเชื่อ มัทธิว17:14-21 “ครั้นพระเยซูกับเหล่าสาวกมาถึงฝูงชนแล้ว มีชายคนหนึ่งมาหาพระองค์คุกเข่าลง ทูลว่า ‘พระองค์เจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาแก่บุตรของข้าพเจ้าด้วยเขาเป็นโรคลมบ้าหมู มีความทุกข์เวทนามาก เคยตกไฟตกน้ำบ่อยๆ ข้าพเจ้าได้พาเขามาหาพวกสาวกของพระองค์ แต่พวกสาวกนั้นรักษาเขาให้หายไม่ได้’ พระเยซูตรัสตอบว่า ‘โอ คนในยุคที่ขาดความเชื่อและมีทิฐิชั่ว ข้าพระองค์จะต้องอยู่กับท่านทั้งหลายนานเท่าใด เราจะต้องอดทนเพราะท่านไปถึงไหน จงพาเด็กนั้นมาหาข้าพระองค์ที่นี่เถิด’ พระเยซูจึงตรัสสำทับผีนั้น มันก็ออกจากเขา ตั้งแต่นั้นไปเด็กก็หายเป็นปกติ ภายหลังเหล่าสาวกของพระเยซูมาหาพระองค์เป็นส่วนตัว ทูลถามว่า “เหตุไฉนพวกข้าพระองค์ขับผีนั้นออกไม่ได้’ พระเยซูตรัสตอบเขาว่า ‘เพราะเหตุพวกท่านมีความเชื่อน้อย ด้วยเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า 'จงเลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่น' มันก็จะเลื่อนสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งท่านทำไม่ได้ จะไม่มีเลย’ แต่ผีชนิดนี้ไม่เคยถูกขับออก เว้นไว้โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร’”
มันเห็นได้ชัดว่า การขับไล่ปีศาจออกไปนี้ เป็นพันธกิจที่สำคัญของเหล่าสาวก อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ชัดเจนว่าตอนใดที่ขับไล่ปีศาจออกไปเป็นกระบวนการที่สาวกกระทำจริงๆ
ที่น่าสนใจ ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนใหม่ในตอนหลังของพันธสัญญาใหม่ เกี่ยวกับสงครามมารร้าย ในส่วนคำสอนในพันธสัญญาใหม่ (จากโรมจนถึงยูดา) กล่าวถึงการที่ปีศาจเข่าทำการสิง อย่างไรก็ตาม อย่าถกเถียงเกี่ยวกับปฏิบัติการขับไล่พวกมันออก และผู้เชื่อไม่ถูกบังคับข่มขู่ให้ทำเช่นนั้น เราถูกสอนว่า จงสวมยุทธภัณฑ์เพื่อที่จะยืนหยัดต่อสู้กับพวกมาร ( เอเฟซัส 6:10-18 )
เราถูกสอนว่า จงต่อสู้กับมารร้าย ยากอบ 4:7 7 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร และมันจะหนีท่านไป ระมัดระวังมารร้าย 1 เปโตร 5:8 “ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” และอย่าให้มารมาครอบครองอยู่ในชีวิตเรา เอเฟซัส 4:27 “ และอย่าให้โอกาสแก่มาร” อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ถูกสอนวิธีการขับไล่ปีศาจหรือสมุนของมันออกจากผู้อื่น หรือแม้กระทั่งว่าเราควรคิดที่จะกระทำเช่นนั้น
หนังสือเอเฟซัสให้คำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับ วิธีการที่เราจะประสบชัยชนะในชีวิตของเรา ในการต่อสู้กับกองทัพแห่งความชั่วร้าย ขั้นแรกคือจงเชื่อวางใจในพระคริสต์ เอเฟซัส 2:8-9 “ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้” สิ่งนี้ทำลายการครองครองของ “จ้าวแห่งพลังในเวหา” เอเฟซัส 2:2 “ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยประพฤติในการบาปนั้นตามวิถีของโลก ตามเจ้าแห่งย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อฟัง” แล้วเราต้องเลือก อีกครั้ง โดยพระคุณของพระเจ้า ที่จะละทิ้งนิสัยชั่วร้ายและสวมนิสัยใหม่ยำเกรงพระเจ้า เอเฟซัส 4:17-24 “ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอยืนยันและเป็นพยานในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปท่านอย่าประพฤติอย่างคนต่างชาติที่เขาประพฤติกันนั้น คือมีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ไร้สาระ โดยที่ความคิดของเขามืดมนไป และเขาอยู่ห่างจากชีวิตซึ่งมาจากพระเจ้า เพราะเหตุความไม่รู้เท่าถึงการซึ่งอยู่ในตัวเขา อันเนื่องจากใจที่แข็งกระด้างของเขา เขามีใจปราศจากโอตตัปปะปล่อยตัวทำการลามกและละโมบในกาม ทำการโสโครกทุกอย่าง แต่ว่าท่านไม่ได้เรียนรู้จักพระคริสต์อย่างนั้น ถ้าแม้ท่านได้ฟังเรื่องพระองค์ และได้เรียนรู้เรื่องพระองค์ตามสัจธรรม ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูแล้ว ท่านจงทิ้งตัวเก่าของท่าน ซึ่งคู่กับวิถีชีวิตเดิมนั้นเสีย อันจะเสื่อมเสียไปสู่ความตายตามตัณหาอันเป็นที่หลอกลวง และจงให้วิญญาณจิตของท่านเปลี่ยนใหม่ และให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง” นี้ไม่ได้เกี่ยวกับการขับไล่ผีออก แต่ให้จิตใจของเราเปลี่ยนใหม่ หลังจากรับคำสั่งสอนแนวทางปฏิบัติหลายวิธีที่จะเชื่อฟังพระเจ้าเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ ของพระองค์ เราได้รับการเตือนว่าให้ระวังการต่อสู้ฝ่ายจิตวิญญาณ
มันเป็นการต่อสู้โดยสวมยุทธภัณฑ์แน่นอนบางอย่างที่ช่วยให้เราสามารถยืนหยัดต่อสู้--- ไม่ใช่ไล่ออไป— เล่ห์กลอุบายของโลกแห่งวิญญาณชั่ว เอเฟซัส 6:10 “สุดท้ายนี้ขอท่านจงมีกำลังขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์” เรายืนอยู่บนความจริงและความชอบธรรม พระกิตติคุณ ความเชื่อ และความรอด พระวจนะของพระเจ้า และคำอธิษฐาน
เอเฟซัส 6:11-18 “จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้ เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้ เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า
และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน
เราพบว่าเมื่อพระวจนะของพระเจ้าเสร็จสมบูรณ์ คริสเตียนมีอาวุธมากขึ้นในการใช้ต่อสู้กับสงครามฝ่ายวิญญาณมากกว่าคริสเตียนในยุคสมัยต้น บทบาทของการขับไล่ ปีศาจออกไปกลับมาแทนที่เดิม โดยมีการประกาศและการสร้างสาวกผ่านพระวจนะของพระเจ้าเป็นส่วนใหญ่
เพราะว่าวิธีการทำสงครามฝ่ายจิตวิญญาณในพันธสัญญาใหม่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับไล่ผีออก มันเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดคำชี้แนะให้ทำสิ่งนั้นได้อย่างไร ถ้าจำเป็นจริงๆ ดูเหมือนว่าโดยการเปิดเผย ความจริงให้แต่ละคนทราบสัจจธรรมในพระวจนะของพระเจ้าและพระนามของพระเยซูคริสต์
English
คริสเตียนวันนี้กระทำการขับไล่ผีได้ไหม?