คำถาม
พูดโดยกว้างๆ เทววิทยาปฏิรูปรวมถึงความเชื่อระบบใด ๆ ที่ตามรอยการปฏิรูปนิกายโปรแตสแตนท์ใน ศตวรรษที่ ?
คำตอบ
16 แน่นอน นักเทววิทยาปฏิรูปทั้งหลายเองสืบสานความเชื่อของพวกเขาตามพระคัมภีร์ ตามที่ระบุโดยลัทธิความเชื่อของพวกเขา "พระคัมภีร์" ดังนั้นเทววิทยาปฏิรูป ไม่ได้เป็นระบบความเชื่อ "ใหม่". แต่คนนั้นก็ยังพยายามที่สานต่อลัทธิเผยแพร่ศาสนา โดยทั่วไป เทววิทยาปฏิรูปยึดถือสิทธิอำนาจของพระคัมภีร์ อำนาจปกครองสูงสุดของพระเจ้า และความรอดโดยพระคุณผ่านทางพระคริสต์ และความจำเป็นต้องมีการประกาศ บางครั้งก็เรียกว่าเทววิทยาพันธสัญญา เพราะเน้นที่พันธสัญญาที่พระเจ้าได้ทรงกระทำกับอาดัมและพันธสัญญาใหม่ ซึ่งโดยพระเยซูคริสต์(ลูกา 22:20)
สิทธิอำนาจของพระคัมภีร์ เทววิทยาปฏิรูปสอนว่า พระคัมภีร์คือพระคำของพระเจ้าได้รับการดลใจและเชื่อถือได้ บริบูรณ์เพียงพอในความเชื่อและการประพฤติทุกอย่าง อำนาจการปกครองสูงสุดของพระเจ้า เทววิทยาปฏิรูปสอนว่า พระเจ้าทรงปกครองโดยทรงควบคุมเหนือสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งสิ้น พระองค์ได้ทรงกำหนดเหตุการณ์ทุกอย่างไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่ผิดหวังในสถานการณ์นั้น นี่ไม่ได้จำกัดพระประสงค์ในสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง และไม่ใช่พระเจ้าทรงให้กำเนิดบาป ความรอดโดยพระคุณ เทววิทยาปฏิรูปสอนว่า โดยพระคุณและความเมตตา พระเจ้าได้ทรงเลือกที่จะทรงไถ่ประชากรโดยทรงปลดปล่อยพวกเขาจากบาปและความตาย
หลักคำสอนเรื่องความรอดที่ปฏิรูป มักแทนโดยอักษรที่แยกได้จากคำว่าTULIP (เป็นที่รู้จักว่าเป็นประเด็นห้าข้อของลัทธิคาลวิน) :
T – ความเสื่อมทรามโดยสิ้นเชิง มนุษย์อยู่ในสถานภาพบาป อยู่ภายใต้พระพิโรธของ พระเจ้า และไม่สามารถทำให้พระเจ้าพอพระทัยได้ ความเลวร้ายทั้งสิ้น หมายความว่ามนุษย์โดยธรรมชาติจะไม่แสงหาที่จะรู้จักพระเจ้า จนกระทั่งพระเจ้าโดยพระกรุณาของพระองค์ทรงช่วยให้เขาพร้อมที่จะทำ
ปฐมกาล 6:5 “พระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วช้าของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจของเขาล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป” เยเรมีย์ 17:9 “จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ผู้ใดจะรู้จักใจนั้นเล่า” โรม3:3-18 “ถึงมีบางคนไม่สัตย์ซื่อ ความไม่สัตย์ซื่อของเขานั้น จะทำให้ความสัตย์ธรรมของพระเจ้าไร้ประโยชน์หรือ หามิได้เลย ถึงแม้ทุกคนจะอสัตย์ ก็ขอให้พระเจ้าทรงสัจจะเถิด ตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า เพื่อพระองค์จะได้ปรากฏว ทรงเป็นผู้สัตย์ธรรมในพระดำรัสทั้งหลายของพระองค์และทรงมีชัยเมื่อเขาวินิจฉัยพระองค์ แต่ถ้าความชั่วร้ายของเราเป็นเหตุให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า เราจะว่าอย่างไร จะว่าพระเจ้าทรงลงพระอาชญา โดยไม่ยุติธรรมอย่างนั้นหรือ (ข้าพเจ้าพูดอย่างมนุษย์) ไม่เป็นเช่นนั้นเลย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าจะทรงพิพากษาโลกได้อย่างไร แต่ถ้าสัจจะของพระเจ้าปรากฏมากยิ่งขึ้น เพราะเหตุความอสัตย์ของข้าพเจ้า เป็นที่ให้เกิดเกียรติแด่พระองค์แล้ว ทำไมเขาจึงยังลงโทษข้าพเจ้าว่าเป็นคนบาปเล่า และทำไมเราจึงไม่ทำความชั่ว เพื่อความดีจะเกิดขึ้นจากความชั่วนั้นเล่า ตามที่มีบางคนเล่าลือและนินทาหาว่า เราได้กล่าวอย่างนั้น การลงโทษคนเช่นนั้นก็ยุติธรรมแล้ว ถ้าเช่นนั้นจะเป็นอย่างไร พวกยิวเราจะได้เปรียบกว่าหรือ เปล่าเลยเพราะเราได้ชี้แจงให้เห็นแล้วว่า มนุษย์ทุกคนทั้งพวกยิวและพวกต่างชาติต่างก็อยู่ใต้อำนาจของบาป ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า เขาทุกคนหลงผิดไปหมด เขาทั้งปวงเลวทรามเหมือนกันสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่กระทำดี ไม่มีเลย” ลำคอของเขาคือหลุมฝังศพที่เปิดอยู่ เขาใช้ลิ้นของเขาในการล่อลวง พิษงูร้ายอยู่ใต้ริมฝีปากของเขา ปากของเขาเต็มไปด้วยคำแช่งด่าและคำเผ็ดร้อน เท้าของเขาว่องไวในการทำให้นองเลือด ในทางเดินของเขามีความพินาศและความทุกข์ และเขาไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข เขาไม่เคยคิดที่จะยำเกรงพระเจ้าเลย U – การทรงเลือกโดยปราศจากเงื่อนไข พระเจ้าจากอดีตนิรันดร์ ได้ทรงเลือก คน เป็นอันมากให้ได้รับความรอด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดจะนับได้ โรม 8:29-30 “เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้ว ผู้นั้นพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉาย แห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก และบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้นั้น พระองค์ได้ทรงเรียกมาด้วย และผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียกมานั้น พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม และผู้ที่พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม พระองค์ก็ทรงโปรดให้มีศักดิ์ศรีด้วย”
โรม 9:11 “แม้ก่อนบุตรนั้นบังเกิดมา และยังไม่ได้กระทำดีหรือชั่ว เพื่อพระดำริของพระเจ้าในการทรงเลือกนั้นจะตั้งมั่นคงอยู่ ไม่ใช่ตามการประพฤติ แต่ตามซึ่งพระองค์ทรงเรียก”
เอเฟซัส 1:4-6,11-12 “ในพระเยซูคริสต์นั้น พระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะทรงเริ่มสร้างโลก เพื่อเราจะบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์ พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ด้วยความรักก่อนตามที่ชอบพระทัยพระองค์ ให้เป็นบุตรโดยพระเยซูคริสต์ เพื่อจะให้เป็นที่สรรเสริญพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งทรงโปรดประทานแก่เราในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์ ในพระองค์นั้น ตามพระดำริของพระองค์ผู้ทรงกระทำทุกสิ่ง ตามที่ได้ทรงตริตรองไว้สมกับพระทัยของพระองค์ เราทั้งหลายผู้ได้หวังใจในพระคริสต์ก่อนได้รับกำหนดและรับการแต่งตั้งให้เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์” L – การไถ่บาปอย่างจำกัด ยังเรียกอีกว่า "การทรงไถ่เป็นพิเศษ"
พระคริสต์เองทรงแบกรับการลงโทษบาปแทนผู้ที่ทรงเลือก และทรงชดใช้แทนชีวิตของพวกเขาด้วยความตายของพระองค์ อีกนัยหนึ่ง พระองค์ไม่ได้ทรงเพียงแต่ทำให้ความรอด " เป็นไปได้" อันที่จริงพระองค์ได้ทรงกำหนดไว้สำหรับคนที่ทรงเลือกสรรแล้ว
มัทธิว1:21 “เธอจะประสูติบุตรชาย แล้วเจ้าจงเรียกนามท่านว่า เยซเพราะว่าท่านเป็นผู้ที่จะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขา”
ยอห์น 10:11 “ข้าพระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ”
ยอห์น17:9 “ข้าพระองค์อธิษฐานเพื่อเขา ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อโลก แต่เพื่อคนเหล่านั้นที่พระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ เพราะว่าเขาเป็นของพระองค์”
กิจการ 20:28 “ท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี และจงรักษาฝูงแกะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงตั้งท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และเพื่อจะได้ปกครองคริสตจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง” โรม 8:32 “แม้เขาจะรู้พระบัญญัติของพระเจ้า ที่ว่าคนทั้งปวงที่ประพฤติเช่นนั้นสมควรจะตาย เขาก็ไม่เพียงประพฤติ”
เอเฟซัส 5:25 “ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร”
I – พระคุณที่ไม่อาจขัดขวางได้ ในสภาพที่ล้มลงมนุษย์ต่อต้านความรักของพระเจ้า แต่ โดยพระคุณของพระเจ้า ที่ทำงานในจิตใจของเขา ที่ทำให้เขาปรารถนาสิ่งที่เขาเคย ต่อต้านก่อนหน้านี้ นั่นคือ พระคุณของพระเจ้าจะไม่ละเว้นที่จะทำให้ผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้ได้รับความรอด ยอห์น 6:37 44 “สารพัดที่พระบิดาทรงประทานแก่ข้าพระองค์ จะมาสู่ข้าพระองค์ และผู้ที่มาหาข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ทิ้งเขาเลย ไม่มีผู้ใดมาถึงข้าพระองค์ได้นอกจากพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา จะทรงชักนำให้เขามาและเราจะให้ผู้นั้นฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย” ยอห์น 10:16 “แกะอื่นซึ่งมิได้เป็นของคอกนี้ข้าพระองค์ก็มีอยู่ แกะเหล่านั้นข้าพระองค์ก็ต้องพามาด้วย และแกะเหล่านั้นจะฟังเสียงของข้าพระองค์ แล้วจะรวมเป็นฝูงเดียว และมีผู้เลี้ยงเพียงผู้เดียว” P – การทรงพิทักษ์รักษาวิสุทธิชน พระเจ้าทรงปกป้องวิสุทธิชนของพระองค์จากการล้ม ลง รับความรอดสู่ชีวิตนิรันดร์ ยอห์น 10:27-29 “แกะของข้าพระองค์ย่อมฟังเสียงของเรา และข้าพระองค์รู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นตามเรา ข้าพระองค์ให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้น แกะนั้นจะไม่พินาศเลย และจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้นไปจากมือของข้าพระองค์ได้ พระบิดาของข้าพระองค์ผู้ประทานแกะนั้นให้แก่เราเป็นใหญ่กว่าทุกสิ่ง และไม่มีผู้ใดอาจชิงแกะนั้นไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของข้าพระองค์ได้” โรม 8:29-30 “เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้ว ผู้นั้นพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉาย แห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก และบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้นั้น พระองค์ได้ทรงเรียกมาด้วย และผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียกมานั้น พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม และผู้ที่พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม พระองค์ก็ทรงโปรดให้มีศักดิ์ศรีด้วย” เอเฟซัส1:3-14 “สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา ผู้ทรงโปรดประทานพระพรฝ่ายวิญญาณแก่เรานานาประการ ในสวรรคสถานโดยพระคริสต์ ในพระเยซูคริสต์นั้น พระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะทรงเริ่มสร้างโลก เพื่อเราจะบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์ พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ด้วยความรักก่อนตามที่ชอบพระทัยพระองค์ ให้เป็นบุตรโดยพระเยซูคริสต์ เพื่อจะให้เป็นที่สรรเสริญพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งทรงโปรดประทานแก่เราในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์ ในพระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาป ของเราโดยพระกรุณาอันอุดมของพระองค์ ซึ่งได้ทรงประทานแก่เราอย่างเหลือล้น ให้มีปัญญาสุขุมและมีความเข้าใจ พระเจ้าได้ทรงโปรดให้เรารู้ความล้ำลึกในพระทัยของพระองค์ ตามพระเจตนารมณ์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงดำริไว้ในพระคริสต์ ประสงค์ว่า เมื่อเวลากำหนดครบบริบูรณ์แล้ว พระองค์จะทรงรวบรวมทุกสิ่ง ทั้งที่อยู่ในสวรรค์ และในแผ่นดินโลกไว้ในพระคริสต์ ในพระองค์นั้น ตามพระดำริของพระองค์ผู้ทรงกระทำทุกสิ่ง ตามที่ได้ทรงตริตรองไว้สมกับพระทัยของพระองค์ เราทั้งหลายผู้ได้หวังใจในพระคริสต์ก่อน ได้รับกำหนดและรับการแต่งตั้งให้เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์ ในพระองค์นั้น ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ฟังสัจวาทะ คือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่าน และได้วางใจในพระองค์ ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แห่งพระสัญญา เป็นมัดจำของการรับมรดกของเรา จนกว่าเราจะได้รับเป็นกรรมสิทธิ์ เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์”
ความจำเป็นของการประกาศ เทววิทยาปฏิรูปสอนว่า คริสเตียนอยู่ในโลกเพื่อ สร้างความแตกต่างฝ่ายจิตวิญญาณโดยการประกาศ และทางสังคมผ่านการมีชีวิตบริสุทธิ์และมีความใจบุญสุนทาน ข้อแตกต่างที่โดดเด่นอื่น ๆ โดยทั่วไปรวมถึง การปฏิบัติพิธีกรรมทั้งสองพิธี ( พิธีบัพติศมาและพิธีมหาสนิท ) แนวคิดว่าไม่มีของประทานฝ่ายวิญญาณ(จะไม่ขยายของประทนไปยัง คริสตจักร) และ แนวคิดเรื่องพระคัมภีร์ว่าเป็นแบบไม่มีการประกาศเผยแพร่ออกไป ยึดมั่นความนิยมยกย่องอย่างสูง โดยคริสคจักรปฎิรูป เป็นผลงานเขียนของ จอห์น คาลวิน จอห์น น็อกซ์ อูลลีช สวิงกลีและ มาร์ติน ลูเทอร์ คำสารภาพเวสท์มินสเตอร์ รวบรวม เทววิทยาของขนบประเพณีปฏิรูป คริสตจักรปัจุบันในแบบเทววิทยาปฏิรูป รวมพวกเพรสไบทีเรียน คองกรีเกชั่นแนลลิส และ แบ๊บติสท์บางคณะ English
พูดโดยกว้างๆ เทววิทยาปฏิรูปรวมถึงความเชื่อระบบใด ๆ ที่ตามรอยการปฏิรูปนิกายโปรแตสแตนท์ใน ศตวรรษที่ ?