คำถาม
บาปที่อภัยไม่ได้ /บาปที่ยกโทษไม่ได้คืออะไร?
คำตอบ
กรณีของบาปที่อภัยไม่ได้ /บาปที่ยกโทษไม่ได้ หรือการสบประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่กล่าวถึงในมาระโกและมัทธิว
มาระโก 3:22-30 “พวกธรรมาจารย์ซึ่งได้ลงมาจากกรุงเยรูซาเล็ม ได้กล่าวว่า “ผู้นี้มีผีเบเอลเซบูลเข้า และที่เขาขับผีออกได้ก็เพราะใช้อำนาจนายผีนั้น” ฝ่ายพระองค์จึงเรียกคนเหล่านั้นมาตรัสแก่เขาเป็นคำเปรียบว่า “ซาตานจะขับตัวเองให้ออกอย่างไรได้ ถ้าราชอาณาจักรใดๆเกิดแตกแยกกันแล้ว ราชอาณาจักรนั้นจะตั้งอยู่ไม่ได้ ถ้าครัวเรือนใดๆเกิดแตกแยกกัน ครัวเรือนนั้นจะตั้งอยู่ไม่ได้ และถ้าซาตานจะต่อสู้กับตนเอง และแตกแยกกันมันก็ตั้งอยู่ไม่ได้มีแต่จะสิ้นสูญไป ไม่มีผู้ใดอาจเข้าไปในเรือนของคนที่มีกำลังมากและปล้นทรัพย์ได้ เว้นแต่จะจับคนที่มีกำลังมากนั้นมัดไว้เสียก่อน แล้วจึงจะปล้นทรัพย์ในเรือนนั้นได้ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ความผิดบาปทุกอย่างและคำหมิ่นประมาท ที่เขากล่าวนั้น จะทรงโปรดยกให้มนุษย์ได้ แต่ผู้ใดจะกล่าวคำหมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะโปรดยกให้ผู้นั้นไม่ได้เลย แต่ผู้นั้นมีกรรมชั่วแห่งบาปเป็นนิตย์” ที่ตรัสอย่างนั้นก็เพราะเขาทั้งหลายว่า พระองค์มีผีโสโครกเข้าสิง”
มัทธิว 12:23-32 “’และคนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจถามกันว่า “คนนี้เป็นบุตรดาวิดได้หรือ’ แต่พวกฟาริสีเมื่อได้ยินดังนั้นก็พูดกันว่า ‘ผู้นี้ขับผีออกได้ก็เพราะใช้อำนาจ เบเอลเซบูลผู้เป็นนายผีนั้น’ ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสกับเขาว่า ‘ราชอาณาจักรใดๆซึ่งแตกแยกกันแล้ว ก็คงพินาศ เมืองใดๆ ครัวเรือนใดๆ ซึ่งแตกแยกกันแล้ว จะตั้งอยู่ไม่ได้ และถ้าซาตานขับซาตานออกมันก็แตกแยกกันในตัวมันเอง แล้วอาณาจักรของมันจะตั้งอยู่อย่างไรได้ และถ้าเราขับผีออกโดยเบเอลเซบูล พวกพ้องของท่านทั้งหลายขับมันออกโดยอำนาจของใครเล่า เหตุฉะนั้นพวกพ้องของท่านเองจะเป็นผู้ตัดสินกล่าวโทษพวกท่าน แต่ถ้าเราขับผีออกด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว หรือใครจะเข้าไปในเรือนของคนที่มีกำลังมาก และปล้นเอาทรัพย์ของเขาอย่างไรได้ เว้นแต่จะจับคนที่มีกำลังมากนั้นมัดไว้เสียก่อน แล้วจึงจะปล้นทรัพย์ในเรือนนั้นได้ ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา และผู้ใดไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป เพราะฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ความผิดบาปและคำหมิ่นประมาท ทุกอย่างจะโปรดยกให้มนุษย์ได้ เว้นแต่คำหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะทรงโปรดยกให้มนุษย์ไม่ได้ ผู้ใดจะกล่าวร้ายบุตรมนุษย์ จะโปรดยกให้ผู้นั้นได้ แต่ผู้ใดจะกล่าวร้ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะทรงโปรดยกให้ผู้นั้นไม่ได้ ทั้งยุคนี้ยุคหน้า”
คำว่า “การสบประมาท” ปกติอาจหมายความว่า “ การไม่เคารพยำเกรงเชื่อฟัง” เราอาจประยุกต์ใช้คำนี้กับความบาปที่แช่งด่าพระเจ้าหรือจงใจลดค่าสิ่งต่างๆเกี่ยวกับพระองค์ มันเป็นการให้ลักษณะร้ายบางอย่างต่อพระเจ้า หรือปฏิเสธพระองค์สิ่งดีๆ บางอย่างที่เราควรให้คุณลักษณะแก่พระเจ้า อย่างไรก็ตาม ในกรณีการสบประมาทนี้ เป็นกรณีพิเศษที่เรียกว่า “การสบประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ “ ในมัทธิว12:31 ในพระคำตอนนี้ ชาวฟาริสีได้เป็นพยานที่มีข้อพิสูจน์ที่หักล้างไม่ได้ว่า พระเยซูทรงกระทำการอัศจรรย์โดยฤทธิ์อำนาจพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยการอ้างว่าพระองค์รับอำนาจจากนายผีเบเอลเซบูล ในมัทธิว12:24 ในมาระโก 3:30 พระเยซูทรงเจาะจงเฉพาะถึงสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ “การสบประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์”
การสบประมาทนี้ต้องทำโดยการกล่าวร้ายพระเยซูคริสต์(ทรงสภาพบุคคลในโลก) ว่าทรงถูกมารครอบครอง มีการสบประมาทหลายอย่างต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์( เช่น มุสาต่อพระองค์ อย่างในกรณีอานาเนียและสัปฟีรา)
กิจการ 5:1-10 “แต่มีชายคนหนึ่ง ชื่ออานาเนียกับภรรยาชื่อสัปฟีรา ได้ขายที่ดินของตน และเงินค่าที่ดินส่วนหนึ่งเขายักเก็บไว้ ภรรยาของเขาก็รู้ด้วย และอีกส่วนหนึ่งเขานำมาวางไว้ที่เท้าของอัครทูต ฝ่ายเปโตรจึงถามว่า ‘อานาเนีย เหตุไฉนซาตานจึงทำให้ใจของเจ้า เต็มไปด้วยการมุสาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และทำให้เจ้าเก็บค่าที่ดินส่วนหนึ่งไว้ เมื่อที่ดินยังอยู่ก็เป็นของเจ้ามิใช่หรือ เมื่อขายแล้วเงินก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้ามิใช่หรือ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นให้เจ้าคิดในใจเช่นนั้นเล่า เจ้ามิได้มุสาต่อมนุษย์แต่ได้มุสาต่อพระเจ้า’ เมื่ออานาเนียได้ยินคำเหล่านั้น ก็ล้มลงตาย และเมื่อคนทั้งปวงทราบเรื่องก็ พากันสะดุ้งตกใจกลัวอย่างยิ่ง พวกคนหนุ่มก็ลุกขึ้นห่อศพเขาไว้แล้วหามเอาไปฝัง หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมง ภรรยาของเขายังไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเข้าไป ฝ่ายเปโตรถามนางว่า ‘เจ้าขายที่ดินได้ราคาเท่านั้นหรือจงบอกเราเถิด”
หญิงนั้นจึงตอบว่า “ได้เท่านั้นเจ้าค่ะ’ เปโตรจึงถามนางว่า ‘ไฉนเจ้าทั้งสองได้พร้อมใจกันทดลองพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า จงดูเถิด เท้าของพวกคนที่ฝังศพสามีของเจ้าก็อยู่ที่ประตู และเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย’ ในทันใดนั้นนางก็ล้มลงตายแทบเท้าของเปโตร และพวกคนหนุ่มได้เข้ามาเห็น ว่าหญิงนั้นตายแล้ว จึงได้หามศพออกไปฝังไว้ข้างสามีของนาง”
แต่การกล่าวใส่ร้ายพระเยซูเป็นการสบประมาทที่ไม่สามารถอภัยได้ บาปเฉพาะที่ต่อต้านพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่สามารถอภัยได้ไม่สามารถทำซ้ำได้อีกทุกวันนี้ บาปเดียวที่ไม่สามารถอภัยได้คือบาปแห่งความไม่เชื่อที่ยังมีอยู่อีก ไม่มีการอภัยโทษแก่บุคคลที่ตายในความไม่เชื่อ
ยอห์น 3:16 “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”
เงื่อนไขประการเดียวซึ่งบางคนไม่ได้รับการอภัยคือถ้าเขา/เธอไม่ได้เป็นหนึ่งใน “ใครก็ตาม”ที่เชื่อถือในพระองค์
ยอห์น 14:6 “พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา’”
การไม่ยอมรับทางเดียวแห่งความรอดคือกระทำให้ตนเองตกอยู่ในนรกนิรันดร์เพราะปรากฏชัดเจนว่าการปฏิเสธการอภัยโทษเดียวไม่สามารถให้อภัยได้ หลายคนกลัวว่าพวกเขาได้กระทำบาปบางอย่างซึ่งพระเจ้าไม่สามารถหรือจะไม่ทรงยกโทษให้ และพวกเขารู้สึกว่าไม่มีความหวังเลย ไม่ว่าพวกเขาจะทำอย่างไร ซาตานไม่ชอบอะไรมากกว่าอยากให้เราทำงานลำบากภายใต้ความเข้าใจผิดนี้
ความจริงคือว่าถ้าบุคคลมีความกลัวเช่นนี้ เขา/เธอจำเป็นต้องมาอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า สารภาพความบาปนั้น สำนึกผิดบาปนั้น และยอมรับพระสัญญาของพระเจ้าที่ทรงยกโทษบาป
1 ยอห์น 1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
ข้อพระคัมภีร์นี้ทำให้เรามั่นใจว่าพระเจ้าทรงพร้อมที่จะยกโทษบาปใดๆ—ไม่ว่าเป็นเรื่องเลวร้ายแค่ไหน—ถ้าเรามาหาพระองค์ด้วยการสำนึกผิด ถ้าคุณกำลังทุกข์ทรมานภายใต้บาปหนักติดตัววันนี้ พระเจ้าทรงกำลังรอคอยที่จะอ้าพระกรของพระองค์ด้วยความรักและความเมตตากรุณาต้อนรับให้คุณมาหาพระองค์ พระองค์ทรงไม่มีวันทำให้เหล่าคนที่มาหาพระองค์ผิดหวังหรือพลาดหวังที่จะรับการทรงอภัย
English
บาปที่อภัยไม่ได้ /บาปที่ยกโทษไม่ได้คืออะไร?