คำถาม
"เราควรนมัสการพระวิญญาณบริสุทธิ์ไหม "?
คำตอบ
เรารู้ว่าควรนมัสการพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น พระเจ้าเท่านั้นที่ประสงค์ให้เรานมัสการ และพระเจ้าเท่านั้นที่สมควรแก่การนมัสการคำถามที่ว่าเราควรนมัสการพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่ สามารถตอบได้ง่ายๆโดยการพิจารณาว่าพระวิญญาณทรงเป็นพระเจ้าหรือเปล่า ตรงข้ามกับกับหลักความคิดของบางลัทธิ พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ทรงเป็นเพียง "พลังอำนาจ" แต่ทรงมีพระลักษณะบุคคล ทรงถูกอ้างถึงในความหมายเชิงบุคคล
ยอห์น15:26 “แต่เมื่อองค์พระผู้ช่วยที่เราจะใช้มาจากพระบิดาหาท่านทั้งหลาย คือพระวิญญาณแห่งความจริงผู้ทรงมาจากพระบิดานั้นได้เสด็จมาแล้ว พระองค์ก็จะทรงเป็นพยานให้แก่เรา”
ยอห์น16:7-8, 13-14 “อย่างไรก็ตามเราจะบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย คือการที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป องค์พระผู้ช่วยก็จะไม่เสด็จมาหาท่าน แต่ถ้าเราไปแล้ว เราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน เมื่อพระองค์นั้นเสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงกระทำให้โลกรู้แจ้งในเรื่องความผิด ความชอบธรรม และการพิพากษา เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น พระองค์จะทรงให้เราได้รับเกียรติ เพราะว่าพระองค์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่ท่านทั้งหลาย”
ทรงกระทำกิจในสภาพบุคคลที่ทรงกระทำได้ -พระองค์ตรัสได้
1 ทิโมธี 4:1 “พระวิญญาณได้ตรัสไว้อย่างชัดแจ้งว่า ต่อไปภายหน้าจะมีบางคนละทิ้งความเชื่อ โดยหันไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวง และฟังคำสอนของพวกผีปีศาจ”
พระองค์ทรงรัก
โรม 15:30 “พี่น้องทั้งหลาย โดยพระเยซูคริสต์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และโดยความรักของพระวิญญาณ ข้าพเจ้าวิงวอนขอให้ท่านช่วยอธิษฐานพระเจ้าด้วยใจร้อนรนเพื่อข้าพเจ้า”
พระองค์สอน ยอห์น
14:26 “แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว”
ทรงอธิษฐานให้ผู้อื่นได้
โรม 8:26 “ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา นเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ”
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสภาพเป็นพระเจ้า- ทรงร่วมในพระลักษณะของพระเจ้า ไม่ได้ทรงเป็นทูตสวรรค์ และไม่ใช่เป็นมนุษย์โดยแก่นแท้ ทรงเป็นนิรันดร์
ฮีบรู 9:14 “พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ผู้ได้ทรงถวายพระองค์เองแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ให้เป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิ ก็จะทรงชำระได้มากยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด เพื่อให้จิตใจของคนที่หมกมุ่นในการประพฤติที่นำไปสู่ความตาย หันไปรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่”
ทรงประทับทุกหนแห่ง
เพลงสดุดี139:7-10 “ข้าพระองค์จะไปไหน ให้พ้นพระวิญญาณของพระองค์ได้ หรือข้าพระองค์จะหนีไปไหนให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์ ถ้าข้าพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ทรงสถิตที่นั่น ถ้าข้าพระองค์จะทำที่นอนไว้ในแดนผู้ตาย พระองค์ทรงสถิตที่นั่น ถ้าข้าพระองค์จะติดปีกแสงอรุณ และอาศัยอยู่ที่ส่วนของทะเลไกลโพ้น แม้ถึงที่นั่น พระหัตถ์ของพระองค์จะนำข้าพระองค์ และพระหัตถ์ขวาของพระองค์จะยึดข้าพระองค์ไว้” พระวิญญาณทรงรอบรู้ นั่นคือ ทรงรู้ "
ทุกสิ่งแม้กระทั่งสิ่งที่ล้ำลึกของพระเจ้า"
1โครินธ์ 2:10-11 “พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งเหล่านั้นแก่เราทางพระวิญญาณ เพราะว่าพระวิญญาณทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้เป็นความล้ำลึกของพระเจ้า อันความคิดของมนุษย์นั้น ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้ เว้นแต่จิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นเองฉันใด พระดำริของพระเจ้าก็ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ เว้นแต่พระวิญญาณของพระเจ้าฉันนั้น"
ทรงสอน "ทุกสิ่ง" แก่อัครสาวก
ยอห์น14:26 “แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว”
ทรงมีส่วนร่วมในกระบวนการทรงสร้าง
ปฐมกาล 1:2 “แผ่นดินก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าป กอยู่เหนือน้ำนั้น”
มีการกล่าวว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับทั้งพระบิดาและพระบุตร
มัทธิว 28:19 “เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ ”
ทรงสภาพบุคคล และทรงถูกกล่าวมุสาได้
กิจการ 5:3-4 “ฝ่ายเปโตรจึงถามว่า “อานาเนีย เหตุไฉนซาตานจึงทำให้ใจของเจ้าเต็มไปด้วยการมุสาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และทำให้เจ้าเก็บค่าที่ดินส่วนหนึ่งไว้ เมื่อที่ดินยังอยู่ก็เป็นของเจ้ามิใช่หรือ เมื่อขายแล้วเงินก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้ามิใช่หรือ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นให้เจ้าคิดในใจเช่นนั้นเล่า เจ้ามิได้มุสาต่อมนุษย์แต่ได้มุสาต่อพระเจ้า” ทรงสามารถเศร้าเสียใจ
เอเฟซัส 4:30 “และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย เพราะโดยพระวิญญาณนั้นท่านได้ถูกประทับตราหมายท่านไว้ เพื่อวันที่จะทรงไถ่ให้รอด”
นอกจากนี้ พระธรรมบางตอนในพันธสัญญาเดิมที่ได้บรรยายพระลักษณะของพระเจ้า จะถูกนำมาใช้กับพระวิญญาณในพันธสัญญาใหม่
อิสยาห์ 6:9 “และพระองค์ตรัสว่า ‘ปเถอะและกล่าวแก่ชนชาตินี้ว่า 'ฟังแล้วฟังเล่า แต่อย่าเข้าใจ ดูแล้วดูเล่า แต่อย่ามองเห็น'”
กิจการ 28:25-26 “เขาไม่เห็นพ้องกัน จึงลาไป เมื่อเปาโลได้กล่าวข้อความแถมว่า ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสกับบรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย โดยอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะถูกต้องดีแล้วว่า จงไปหาชนชาตินี้และกล่าวว่า พวกเจ้าจะได้ยินกับหูก็จริง แต่จะไม่เข้าใจ จะดูก็จริง แต่จะไม่สังเกต”
อพยพ 16:7 “ในเวลาเช้าพวกท่านจะได้เห็นพระสิริแห่งพระเจ้า เพราะคำบ่นต่อว่าของพวกท่านต่อพระเจ้าทราบถึงพระองค์แล้ว เราทั้งสองเป็นผู้ใดเล่า พวกท่านจึงมาบ่นต่อว่าเรา”
ฮีบรู 3:7-9 “เหตุฉะนั้น ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า วันนี้ถ้าท่านทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระองค์ อย่าให้จิตใจของท่านดื้อรั้นอย่างในครั้งกบฏนั้น เหมือนอย่างในวันที่ทดลองในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งบรรพบุรุษของท่านทดลองเราโดยเอาเราเข้าพิสูจน์ ถึงแม้ว่าเขาเห็นการกระทำของเราตลอดสี่สิบปี”
บุคคลที่ได้เสด็จจากสวรรค์สมควรแก่การเคารพบูชา พระเจ้าทรง "สมควรแก่การสรร เสริญ"
เพลงสดุดี 18:3 “ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระเจ้าผู้ทรง สมควรแก่การสรรเสริญ และข้าพระองค์ได้ รับการช่วยให้พ้นจากศัตรูของข้าพระองค์”
พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ "สมควรแก่การสรรเสริญมากที่สุด"
เพลงสดุดี 48:1 “พระเจ้านั้นยิ่งใหญ่และสมควรจะสรรเสริญอย่างยิ่ง ในนครแห่งพระเจ้าของเรา”
เราได้รับพระบัญชาให้นมัสการพระเจ้า
มัทธิว 4:10 “พระเยซูจึงตรัสตอบว่า ‘อ้ายซาตาน จงไปเสียให้พ้น เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว’”
วิวรณ์19:10 “แล้วข้าพเจ้าได้ทรุดตัวลงแทบเท้าของท่านเพื่อจะนมัสการท่าน แต่ท่านได้กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “อย่าเลย ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนผู้รับใช้เหมือนกับท่าน และพวกพี่น้องของท่านที่ยึดถือคำพยานของพระเยซู จงนมัสการพระเจ้าเถิด” เพราะว่าคำพยานกล่าวถึงพระเยซูนั้นเป็นหัวใจของการเผยพระวจนะ”
วิวรณ์ 22:9 “แต่ท่านห้ามข้าพเจ้าว่า ‘อย่าเลย ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนผู้รับใช้เช่นเดียวกับท่านและพวกพี่น้องของท่าน ซึ่งเป็นพวกผู้เผยพระวจนะ และพวกที่ถือรักษาถ้อยคำในหนังสือนี้ ท่านจงนมัสการพระเจ้าเถิด’”
แล้วถ้าพระวิญญาณทรงสภาพเป็นพระเจ้า พระภาคที่สามของตรีเอกานุภาพ พระองค์ทรงสมควรแก่การนมัสการ
ฟีลิปปี 3:3 “เพราะว่าเราทั้งหลายเป็นพวกถือพิธีเข้าสุหนัตแท้ เป็นผู้นมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ และอวดพระเยซูคริสต์ และไม่ได้ไว้ใจในเนื้อหนัง”
สิ่งนี้บอกเราว่าผู้เชื่อที่แท้จริง บรรดาผู้ที่มีจิตใจได้รับการชำระล้างแล้ว นมัสการพระเจ้าโดยพระวิญญาณและสง่าราศี และชื่นชมยินดีในพระคริสต์ นี่คือภาพที่สวยงามของการนมัสการทั้งสามพระภาคของตรีเอกานุภาพ
เราจะนมัสการพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างไร เช่นเดียวกับที่เรานมัสการพระบิดาและพระบุตร คริสเตียนนมัสการด้วยจิตวิญญาณ ไหลจากการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำกิจภายในเรา ที่เราตอบสนองโดยมอบถวายชีวิตของเราแด่พระองค์
โรม 12:1 “พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย”
เรานมัสการพระวิญญาณโดยการเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ อัครสาวกยอห์นอธิบาย โดยกล่าวอ้างถึงพระคริสต์
1 ยอห์น 3:24 “และทุกคนที่ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ก็อยู่ในพระองค์ และพระองค์ทรงสถิตอยู่ในคนนั้น เหตุฉะนี้เราจึงรู้ว่าพระองค์ทรงสถิตอยู่ในเราคือโดยพระวิญญาณ ซึ่งพระองค์ทรงโปรดประทานแก่เรา”
ที่นี่เราเห็นการเชื่อมโยงระหว่างการเชื่อฟังพระคริสต์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ที่ทรงประทับอยู่ภายในตัวเรา ทรงพิสูจน์เราว่าผิดทุกสิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจำเป็นที่เราต้องนมัสการโดยการเชื่อฟัง
และทรงให้อำนาจเราเพื่อนมัสการ การนมัสการเองเป็นการทำงานของพระวิญญาณ
ยอห์น 4:24 “พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง” บรรดาผู้อยู่ฝ่ายจิตวิญญาณ เป็นผู้ที่พระวิญญาณได้ทรงประทับภายใน โดยทรงเป็นพยานแก่เราว่า เราเป็นของพระองค์
โรม 8:16 “พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า”
การทรงประทับภายในจิตใจของเรา ช่วยให้เราสามารถกลับมานมัสการพระองค์ในพระวิญญาณ เราอยู่ในพระองค์ เพราะทรงประทับในเรา เช่นเดียวกับพระคริสต์ทรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงอยู่ในเราโดยทางพระวิญญาณ
ยอห์น 14:20 “ในวันนั้นท่านทั้งหลายจะรู้ว่าเราอยู่ในพระบิดา และท่านอยู่ในเราและเราอยู่ในท่าน”
ยอห์น 17:21”เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์ คือพระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์ และข้าพระองค์ในพระองค์ เพื่อให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์ และกับข้าพระองค์ด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา”
English
"เราควรนมัสการพระวิญญาณบริสุทธิ์ไหม "?